นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการรับฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ - ยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ. 2559 - 2563

ข่าวทั่วไป Thursday September 3, 2015 09:54 —สำนักโฆษก

วันนี้ (3 ก.ย. 58) เวลา 14.00 น. ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการรับฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ - ยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ. 2559 - 2563 และให้ข้อคิดเห็น พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการ โดยมี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ พลเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ผู้บัญชาการวิทยาลัยเสนาธิการทหาร ผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพบก ผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพเรือ ผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพอากาศ และนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (นศ.วปอ.) รุ่นที่ 57 นศ.วสท.รุ่นที่ 56 นศ.วทบ.ชุดที่ 60 นศ.วทร.รุ่นที่ 47 และ นศ.วทอ.รุ่นที่ 49 เข้าร่วม โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ในการนี้ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย โดยคณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรรุ่นที่ 57 (นศ.วปอ.57) นศ.วสท.รุ่นที่ 56 นศ.วทบ.ชุดที่ 60 นศ.วทร.รุ่นที่ 47 และ นศ.วทอ.รุ่นที่ 49 ได้ร่วมกันจัดงานแถลงยุทธศาสตร์ชาติ - ยุทธศาสตร์ทหาร ประจำปีการศึกษา 2559 – 2563 โดยนำเป้าหมายของชาติในอีก 20 ปีข้างหน้ามาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา ซึ่งกำหนดจุดยืนเชิงยุทธศาสตร์ภายใน 5 ปี ที่ต้องการให้ประเทศไทย "ก้าวสู่สังคมแห่งความสุข เศรษฐกิจเชิงรุกที่เข้มแข็ง ประเทศไทยมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน" ประกอบด้วย 6 ประเด็นสำคัญคือ 1. การปฏิรูปและสร้างสังคมให้มีความสุขอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน 2. การปฏิรูประบบเศรษฐกิจให้ดำเนินการแบบเชิงรุก สร้างความมั่นคง มั่งคั่งให้กับชาติและประชาชน 3. การปฏิรูประบบบริหารจัดการด้านพลังงาน (การจัดหา การอนุรักษ์และการใช้พลังงาน) ให้มั่นคงและยั่งยืน 4. การปฏิรูประบบบริหารจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืน คืนความสมดุลสู่ธรรมชาติ 5. การส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนาไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรมและการบริการ และ 6. การปฏิรูปงานบริหารจัดการความมั่นคงภายในประเทศ ในส่วนของยุทธศาสตร์ทหารได้จัดทำแนวทางในการบริหารจัดการกำลังอำนาจทางทหาร ที่มุ่งตอบสนองผลประโยชน์แห่งชาติ ตลอดจนกำลังอำนาจแห่งชาติด้านอื่น ๆ โดยกำหนดคุณลักษณะสำคัญของกองทัพไทยในอนาคตว่าต้องเป็นกองทัพที่มีความน่าเชื่อถือ มีการตอบสนองที่รวดเร็ว และเป็นกองทัพอเนกประสงค์ ทั้งนี้ การจัดทำและการแถลงยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์ทหารจะเป็นข้อเสนอแนะทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน ในการเสริมสร้างความมั่นคงร่วมกัน เพื่อให้ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้าและพัฒนาอย่างยั่งยืน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดี พร้อมกล่าวว่า ยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์ทหารมีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเป็นอย่างมาก โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่การขับเคลื่อนระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาชน ตลอดจนตำรวจ ทหาร ซึ่งทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การตระหนักในหน้าที่ของตนเอง อีกทั้งข้าราชการต้องมองผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก และดูแลประชาชนด้วยความชอบธรรม

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ประเด็นด้านการศึกษาเป็นเรื่องที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเริ่มจากการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้กับเด็ก ๆ เพื่อโตมาแล้วจะไม่ทุจริต หรือไม่โกง โดยเบื้องต้นรัฐบาลได้กำหนดให้สถานศึกษาบรรจุค่านิยม 12 ประการ ในการเรียนการสอน เพื่อให้เด็กไทยมีความรู้ความเข้าใจ มีค่านิยมที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเป็นคนดีของชาติ นอกจากนี้ต้องดูแลกลุ่มนักเรียน – นักศึกษาที่จบมาแล้วไม่มีงานทำ โดยจะต้องหามาตรการรองรับ เช่น การแนะแนววิชาชีพต่าง ๆ ให้กับกลุ่มนักเรียน – นักศึกษาดังกล่าวได้มีโอกาสในการทำงานมากขึ้น ซึ่งการศึกษาจะต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ด้านการลงทุนนั้น ต้องการให้เป็นแบบ Partnership หรือ Thailand +1 โดยจะต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ด้วยความเสมอภาคเท่าเทียมกันระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจเข้มแข็งขึ้น และนำไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน

ขณะที่ด้านความมั่นคง ในเรื่องการบริหารจัดการความมั่นคงภายในประเทศและกิจการชายแดน ควรปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเป็นระบบเดียว ให้มีเอกภาพในการบริหารและการปฏิบัติ ครอบคลุมทุกมิติ ทั้ง ความมั่นคงภายในประเทศ ความมั่นคงชายแดน และความมั่นคงทางด้านไซเบอร์ เพื่อเตรียมพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามต่าง ๆ ขณะเดียวกันด้านกฎหมายนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงจะทำได้ หากทุกคนมีความเข้มงวดในการปฏิบัติตามหลักกฎหมาย โดยขอให้ทุกคนมีความเคารพต่อกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและการมีเสถียรภาพที่ดีของประเทศ

ทั้งนี้ เรื่องประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ของคนไทยเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยจะต้องมีการปลูกฝังให้เกิดความภาคภูมิใจ มีความรัก และรู้จักหวงแหนในชาติบ้านเมืองของไทยด้วย ส่วนด้านการท่องเที่ยว จำเป็นต้องพัฒนากระบวนการบริหารจัดการการท่องเที่ยวทั้งระบบ เน้นการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เชิงวัฒนธรรม และสร้างความเป็นไทย ตลอดจนการรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด ไม่ให้มีความเสื่อมโทรม พร้อมทั้งรณรงค์ให้ “ไทยเที่ยวไทย” ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ รวมถึงการเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจให้มีความเข้มแข็งต่อไป

ตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมการนำเสนอยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์ทหาร ตลอดจนการดำเนินงานของทุกหน่วยงานที่จะร่วมมือกับรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศชาติด้วยหัวใจ (Power Heart) เพื่อให้เกิดความ "มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน" อีกทั้งยังขอให้ทุกคนมีความ Strong together เพื่อทำให้อนาคตของประเทศไทยมีความเข้มแข็งสืบไป

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ