นายกรัฐมนตรีเร่งสร้างความร่วมมือด้านแรงงานกับประเทศลุ่มน้ำโขงแบบครอบคลุมทุกมิติ- การศึกษา ฝึกอบรม พัฒนาฝีมือ บริหารจัดการ และแลกเปลี่ยนข้อมูล

ข่าวทั่วไป Friday September 4, 2015 09:55 —สำนักโฆษก

วันนี้ (4 ก.ย. 2558) เวลา 09.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกล่าวในพิธีเปิดการประชุมความร่วมมือเชิงวิชาการด้านแรงงานระดับรัฐมนตรีกับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้หัวข้อ “ความร่วมมือด้านแรงงานเพื่อยกระดับคุณภาพแรงงานอพยพกับการจ้างงาน” (Enhancing Labour Cooperation on Migration for Employment in CLMTV) ณ ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี

การประชุมความร่วมมือเชิงวิชาการด้านแรงงานกับประเทศเพื่อนบ้านในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านแรงงานและความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ระหว่างประเทศลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีผู้เข้าร่วมระดับรัฐมนตรีและผู้แทนระดับสูงจาก 5 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา ไทยและเวียดนาม

ภายหลังพิธีเปิดการประชุมฯ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีในนามรัฐบาลไทยได้กล่าวต้อนรับคณะรัฐมนตรีที่ดูแลรับผิดชอบด้านแรงงานในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง อันประกอบด้วยประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย เข้าร่วมการประชุมความร่วมมือเชิงวิชาการด้านแรงงานระดับรัฐมนตรี ซึ่งได้จัดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทย และหวังว่าทุกคนจะได้รับความสะดวกสบายตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทย

ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา กลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงได้มีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงในการส่งเสริมการขยายตัวทางการค้า การลงทุนอุตสาหกรรม การสนับสนุนการจ้างงาน เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น และความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีและการศึกษา ทำให้ ณ วันนี้ กลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงเป็นแหล่งผลิตที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก จนมีการกล่าวว่าภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเป็นแหล่งผลิตอาหารเลี้ยงประชากรโลก รวมทั้งมีวิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรมที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวและมีมรดกโลกที่สำคัญ ทำให้กลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงมีเสน่ห์ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว ดังนั้น นายกรัฐมนตรีมีความคาดหวังที่จะให้เกิดการประชุมร่วมกันระหว่างกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงในทุกๆ กรอบความร่วมมือ เพื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้

นอกจากนี้ ด้วยแหล่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เชื่อมต่อด้วยแม่น้ำโขงเกือบทุกประเทศ ทำให้เกิดการเชื่อมต่อกันทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการโยกย้ายถิ่นฐานของแรงงานที่ปรากฏให้เห็นเกือบทุกวัน หัวข้อการประชุมเรื่อง “ความร่วมมือทางด้านแรงงานเพื่อยกระดับคุณภาพแรงงานอพยพกับการจ้างงาน” จึงเป็นหัวข้อที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันและทันกระแสโลก และเป็นหัวข้อที่อยู่ในกรอบวิสัยทัศน์ของกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงทุกประเทศ

จากสถิติแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง ประเทศไทยอยู่ในฐานะประเทศผู้รับแรงงาน แรงงานโยกย้ายถิ่นฐานที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยถือเป็นกำลังสำคัญต่อความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในลุ่มน้ำโขง นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ความร่วมมือด้านแรงงานเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการร่วมกันพัฒนากำลังคน เพื่อยกระดับคุณภาพแรงงานของภูมิภาคให้สูงขึ้นและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เวทีการประชุมเชิงวิชาการด้านแรงงานระดับรัฐมนตรีครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะทบทวนความร่วมมือแบบใต้ – ใต้ (South to South) ในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านแรงงานทั้งห้าประเทศให้เข้มแข็งและมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน

โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวทางในกรอบความร่วมมือด้านแรงงานของไทยกับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงในการร่วมกันหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปในประเด็นสำคัญๆ ที่คั่งค้าง เพื่อผลักดันความร่วมมือในทุกมิติที่เกี่ยวข้องกับแรงงานให้ขยายผลอย่างต่อเนื่องและเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งควรจะต้องให้ความสำคัญ 4 เรื่องด้วยกัน คือ

หนึ่ง การเพิ่มศักยภาพของกำลังแรงงานในภูมิภาค โดยการยกระดับความรู้แรงงานสู่แรงงานคุณภาพ การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และการอบรมฝีมือแรงงานเฉพาะทางเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ

สอง การโยกย้ายถิ่นฐานของแรงงาน จำเป็นต้องคำนึงถึงการจัดส่งและนำเข้าแรงงานที่ถูกกฎหมายและเป็นธรรม ถ้าทุกประเทศในลุ่มน้ำโขงทั้งประเทศ ผู้ส่งแรงงานและประเทศผู้รับแรงงานร่วมกันกำกับดูแลในเรื่องนี้ จะเป็นแนวทางการป้องกันและขจัดการเกิดปัญหาการค้ามนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สาม ความร่วมมือด้านแรงงานต้องครอบคลุมในทุกมิติ ตั้งแต่การศึกษา การแลกเปลี่ยนข้อมูล การบริหารจัดการแรงงาน การให้การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมไปถึงความร่วมมือด้านการจ้างงานให้เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) และบันทึกข้อตกลง (Agreement) โดยไทยกำลังดำเนินการจัดทำร่วมกับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงซึ่งมีผู้แทนเข้าร่วมการประชุมอยู่ด้วยในขณะนี้

สี่ นายกรัฐมนตรีมีความคาดหวังที่จะเห็นความต่อเนื่องทั้งการประชุมและความร่วมมือกันในทางปฏิบัติในทุกๆ ปี หรือทุกสองปีตามความเหมาะสม

ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ทั้งในด้านการเตรียมบุคลากรที่จะโยกย้ายถิ่นฐาน ขั้นตอนการดำเนินการที่สะดวกรวดเร็ว และทุกคนต้องได้รับความคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายของประเทศคู่ภาคีทั้งสองประเทศ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของศักยภาพแรงงานก่อนเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ตลอดจนกระบวนการรับแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานกลับคืนสู่ประเทศผู้ส่งแรงงาน ให้สามารถกลับเข้าทำงานและอยู่ร่วมกับสังคมของประเทศได้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศและประชาชนในลุ่มน้ำโขง

โดยความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยาวนานของกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง และความจริงใจที่ประเทศเรามีให้กันจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยสนับสนุนความร่วมมือในด้านต่างๆ ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

ขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการจัดประชุมครั้งนี้ และคาดหวังอย่างยิ่งว่าการประชุมครั้งนี้จะเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม และมุ่งก้าวสู่การเสริมสร้างศักยภาพด้านแรงงานร่วมกัน ตลอดจนเป็นรากฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงของภูมิภาค และความผาสุกของประชาชนในลุ่มน้ำโขง

กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ