นายกรัฐมนตรีเปิดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ Bangkok Gems & Jewelry Fair ครั้งที่ 56

ข่าวทั่วไป Thursday September 10, 2015 13:43 —สำนักโฆษก

รัฐบาลส่งเสริมและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประตูสู่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของภูมิภาค และก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลกต่อไปในอนาคต

วันนี้ (10 กันยายน 2558) เวลา 09.30 น. ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อิมแพค เมืองทองธานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในพิธีเปิดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ Bangkok Gems & Jewelry Fair ครั้งที่ 56 จัดโดยสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย

โดยมีนางอภิรดีตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ คณะทูตานุทูต ผู้แทนสมาคมฯ ผู้ประกอบการและผู้ซื้ออัญมณีทั้งไทยและต่างประเทศ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานในครั้งนี้

สำหรับงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ Bangkok Gems & Jewelry Fair ครั้งที่ 56 ถือเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการขายและการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของประเทศไทย หากย้อนหลังตั้งแต่ครั้งแรกประมาณปี 2526 ของการจัดงาน สิ่งที่สัมผัสได้คือการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั่งรูปแบบการจัดงาน การจัดหมวดหมู่ของสินค้า สถานที่จัดงาน สิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนจำนวนบูธที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม ซึ่งได้มีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่องจากอดีตถึงปัจจุบัน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยให้ก้าวหน้าต่อไป

นอกจากนี้ ภายในงานจะมีการนำสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมาจัดแสดงจำนวนมาก การแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องประดับจากเหล่านางแบบชั้นนำของไทยอีกด้วย ดังนั้น ขอเชิญชวนคนไทยให้ได้มาเห็นฝีมือคนไทยด้วยกันมาร่วมงานนี้ เพื่อตื่นตาตื่นใจกับ อัญมณีและเครื่องประดับจากทั่วมุมโลก พร้อมการแสดงและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายภายในงาน ระหว่างในวันที่ 10-14 กันยายน 2558 เวลา 10.00 – 17.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติ ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้จำนวนมากในแต่ละปี และเป็นสินค้าส่งออก ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับสามารถนำรายได้เข้าประเทศสูงสุดเป็นลำดับที่ 3 มีมูลค่าการส่งออกมากถึง 3.4 แสนล้านบาท ปัจจัยที่สำคัญ คือ สินค้าของประเทศไทยมีคุณภาพและช่างฝีมือแรงงานชาวไทยมีความสามารถในด้านทักษะ ตลอดจนมีความประณีต โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญทางด้านการเผาและการเจียระไนพลอย ซึ่งเป็นมรดกทรงคุณค่าที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน การออกแบบเครื่องประดับสวยงามและทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ความเป็นไทยซึ่งเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ อีกทั้ง ต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็น Hand Made มีชิ้นเดียวและยังสร้างความแตกต่างและสามารถจำหน่ายได้อีกด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ ประเทศไทยได้ใช้ศักยภาพที่มีความได้เปรียบและความพร้อมในการพัฒนาคุณภาพของสินค้า ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในภูมิภาคอาเซียนได้ไม่ยาก อีกทั้ง ช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับประเทศ รวมถึงเป็นเวทีที่จะยกระดับความสามารถทางการแข่งขันในระดับโลกต่อไป แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลาทั้งสภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ราคาวัตถุดิบ ความพิถีพิถันในการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค ซึ่งส่งผลกระทบต่อวงการอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ดังนั้น การจัดการประชุมสุดยอดผู้นำด้านอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับแห่งอาเซียนและประเทศคู่ค้าที่สำคัญอีก 6 ประเทศ คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จึงถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะได้สร้างศักยภาพการเป็นผู้นำและสร้างความร่วมมือระหว่างกันในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงประเทศแอฟริกาที่กำลังเปิดตลาดค้าขายการเกษตรและอัญมณีอยู่ในขณะนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า สิ่งสำคัญการที่จะรักษาคุณภาพมาตรฐานอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้มั่นคงอย่างยั่งยืน คือ การพัฒนาคุณภาพสินค้าอยู่เสมอ และความใส่ใจในรายละเอียดทุกกระบวนการผลิต ทั้งเรื่องการออกแบบ การพัฒนาฝีมือแรงงานในด้านทักษะให้มี ความเชี่ยวชาญพิเศษ การจัดหาแหล่งวัตถุดิบคุณภาพที่มีความมั่นคงเพื่อรักษาเสถียรภาพการผลิต ตลอดจนการสร้างแบรนด์ที่มีมาตรฐานการรับรองที่สูงขึ้นเพื่อให้เป็นที่โดดเด่นทั้งในเรื่องรูปลักษณ์และคุณภาพ ซึ่งที่ผ่านมาการจัดการแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ Bangkok Gems & Jewelry Fair เป็นงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของแวดวงอัญมณีและเครื่องประดับของโลก ได้แสดงให้เห็นถึงพลังและศักยภาพของการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ด้วยการขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน และการพัฒนาความร่วมมือภายในภูมิภาคเพื่อการแข่งขัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ขนาดเล็กที่พอจะมีศักยภาพ ซึ่งรัฐจะเป็นผู้ให้การสนับสนุนส่งเสริมให้ทุกอุตสาหกรรมสามารถเติบโตก้าวหน้าไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งในส่วนของตลาดการค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย ได้มุ่งเน้นการขยายตลาดออกไปให้กว้างขึ้นทั้งส่งเสริมตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ และรักษาตลาดหลักซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ การปรับปรุงกลไกของภาครัฐเพื่อลดต้นทุนและอำนวยความสะดวกทางการค้า อีกทั้ง สนับสนุนการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับอัญมณีและเครื่องประดับ ที่นำเข้ามาแสดงและจำหน่ายในงานแสดงสินค้านี้ และ มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 สำหรับการนำพลอยเพื่อมาเป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงในขั้นตอนการผลิตสินค้า อัญมณีและเครื่องประดับในประเทศ พร้อมเชื่อมั่นว่า มาตรการดังกล่าวจะมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับและโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ ร่วมมือในการขยายธุรกิจการค้าให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน และช่วยส่งเสริมและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประตูสู่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของภูมิภาค และก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลกต่อไปในอนาคต

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ประกอบพิธีเปิดร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับ และ CEO Bangkok Gems & Jewelry Fair โดยการเสียบป้ายอะคริลิคลงบนแท่น จากนั้น ถ่ายภาพร่วมกันก่อนดูการแสดงขับเสภาประกอบโขนและชมการแสดงแฟชั่นโชว์ก่อนเดินทางกลับ

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ชมพูนุท / รายงาน

ดวงใจ / ตรวจ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ