วันนี้ (15 ก.ย.58) เวลา 15.00 น. ณ บริเวณห้องโถงชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาบริหารจัดการน้ำโดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งว่า รู้สึกเป็นห่วง ตอนนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังเรื่องวาตภัย เรื่องน้ำท่วมที่มีผลเรื่องการเก็บกักน้ำ เพราะสถานการณ์ตอนนี้น้ำในเขื่อนมีไม่ถึง 30 % ทำให้การเพาะปลูกในฤดูแล้งหน้าอาจจะมีปัญหา แต่ไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนก ซึ่งพื้นที่ตรงไหนที่มีฝนตก และน้ำท่วมต้องหาทางระบายน้ำออกแล้วนำไปกักเก็บไว้ ถ้าเป็นพื้นที่ของชาวบ้านต้องเสียสละพื้นที่ใช้เป็นพื้นที่แก้มลิงฉุกเฉิน โดยรัฐบาลจะเข้าไปดูแลช่วยเหลือความเสียหายให้ และขอให้รวมกลุ่มวางแผนกันว่าหมู่บ้าน ตำบลไหนจะเก็บน้ำไว้ที่ใด ส่วนแหล่งน้ำธรรมชาติ ห้วย หนอง คลอง บึง ที่ปลูกบ้านค่อมแหล่งน้ำ และสร้างสะพาน สร้างถนนขวางทางก็ให้ไปเจาะให้ทะลุให้น้ำไปขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งการวางผังเมืองที่ผ่านมาส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำท่วมและน้ำแล้ง จึงอย่าคาดหวังว่าจะแก้ปัญหาได้เร็ว อย่างไรก็ตาม วันนี้จะมีน้ำฝนจากพายุดีเปรสชั่น ทำให้ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกรุงเทพฯ ฝนตกประมาณ 70% ของพื้นที่ จึงขอให้เก็บน้ำฝนไว้ให้ เพื่อใช้ในฤดูแล้ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปถึงมาตรการเตรียมการรับภัยแล้ง โดยการอนุมัติงบประมาณลงไปให้ตำบลละ 5 ล้านบาท เพื่อจะนำไปขุดบ่อน้ำเล็ก ๆ ช่วยตัวเองเรื่องแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค หรือขุดคลองส่งน้ำเล็ก ๆ เพื่อบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ให้เพียงพอต่อการเพาะปลูกพืช โดยแบ่งเป็นพื้นที่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ต้นทางอาจจะปลูกพืชได้บ้าง กลางทางจะเปลี่ยนปลูกพืชใช้น้ำน้อย ส่วนท้ายน้ำกรณีน้ำมาไม่ถึง ขอให้พิจารณาว่าจะเปลี่ยนอาชีพได้หรือไม่ ซึ่งได้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ลงพื้นที่ไปสำรวจพื้นที่ 36 ลุ่มน้ำ เพื่อจะปลูกพืช โดยมอบหมายให้ข้าราชการของกระทรวงเกษตรฯ ไปแนะนำ และกำกับดูแลในพื้นที่ ไม่เช่นนั้นจะเปลี่ยนการปลูกพืชไม่ได้ ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนอีก และต้องนำงบประมาณไปช่วยเหลืออีกไม่รู้อีกจำนวนเท่าไหร่ วันนี้ต้องเอาเงินไปลงทุน และเร่งสร้างความเข้มแข็งให้โดยแก้ปัญหาระบบน้ำ
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสาสัมพันธ์
ที่มา: http://www.thaigov.go.th