นายกฯ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและการค้ำประกันสินเชื่อ สำหรับผู้ประกอบการ SMEs

ข่าวทั่วไป Friday September 18, 2015 15:15 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีระบุตั้งใจทำประโยชน์เพื่อประชาชน เผยธุรกิจ SMEs เป็นธุรกิจสำคัญของประเทศ ต้องเร่งสนับสนุนทุกฝ่าย

วันนี้ (18 ก.ย. 58) เวลา 15.30 น. ณ ห้อง Royal Jubilee อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมกล่าวปาฐกถา หัวข้อ “ขับเคลื่อน SMEs ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 2,000 คน เข้าร่วม

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปาฐกถา หัวข้อ “ขับเคลื่อน SMEs ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” สรุปความว่า วันนี้มางานดังกล่าวด้วยเจตนารมย์ และความตั้งใจที่จะทำประโยชน์ให้กับประชาชนทุกคน ให้มีความเจริญเติบโตอย่างเข้มแข็งโดยเร็วที่สุด โดยจะพยายามเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน เพราะไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ทำไม่ได้หากเรามีความพยายาม จะได้มากหรือน้อยก็ไม่เป็นไร ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องทำให้ทุกอย่างเกิดความเป็นธรรม และทุกคนสามารถเข้าถึง ทั้งกฎหมาย กองทุนต่างๆ วันนี้จึงขอยืนยันกับทุกคนว่า รัฐบาลจะทุกอย่างอย่างเต็มที่เหมือนคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ ขอให้ทุกคนช่วยกัน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นธุรกิจสำคัญของประเทศ เพียงแต่ที่ผ่านมาค่อยข้างช้า เราต้องมาเร่งสนับสนุนจากทุกฝ่าย รวมถึงความร่วมมือจากภาคเอกชน ธนาคาร หอการค้า สภาอุตสาหกรรม ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราค่อนข้างลำบาก จึงต้องอาศัยความร่วมมือซึ่งกันและกัน โดยรัฐบาลจะเข้าไปสนับสนุน ยอมรับว่าขณะนี้มีความเป็นห่วงธุรกิจเอสเอ็มอี ภาคเกษตรกร ปัญหามีมากทั้งเรื่องข้าว เรื่องยาง และเรื่องต่างๆ เป็นเพราะแก้ปัญหาไม่เคยจบ ดังนั้นการแก้ปัญหาให้จบต้องไม่ใจร้อน อย่างการรวมตัวกันมาวันนี้ทำให้ตนดีใจ ไม่ใช่มาเรียกร้องชุมนุมกันเป็นพวก และกลายเป็นความแตกแยก ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมที่จะดูแลทุกฝ่ายและไม่ได้เลือกกลุ่มไหนเพราะไม่ได้เป็นรัฐบาลพรรคการเมือง จะพยายามเร่งรัดทุกอย่างให้เร็วที่สุด วันนี้พยายามใช้คนที่มีความรู้มาทำงานให้กับทุกคน ซึ่งทุกคนต้องรู้ว่าประเทศเราจะเดินต่อไปอย่างไร มีกลไกอย่างไรบ้าง ไม่เช่นนั้นแต่ละคนก็ต้องการได้ในสิ่งที่ตนเองทำอย่างเดียว ทำให้ประเทศไทยติดกับอยู่แค่ตรงนี้ ถ้าเราไม่รวมพลังกันปัญหาทุกอย่างไม่มีทางผ่านพ้นไปได้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงมีจิตใจมีแต่ให้ คิดถึงคนอื่นมากกว่า ทรงตรัสว่าต้องคิดถึงคนอื่นให้มาก ตลอดเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชามาโดยตลอด ซึ่งถือเป็นความสำคัญที่สถาบันมีต่อพวกเรา วันนี้ท่านก็ทรงแข็งแรงน้อยลงก็ต้องช่วยกันดูแล อย่าให้ท่านมีภาระไปมากกว่านี้เลย

อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจจะดีขึ้นอยู่กับเสถียรภาพของบ้านเมือง วันนี้ไม่มีเรื่องอะไร นักท่องเที่ยวก็เข้ามาท่องเที่ยวเกือบ 20 กว่าล้านคน รัฐบาลต้องทำให้เกิดความเป็นธรรม ใช้กฎหมายตัวเดียวกัน ไม่เลือกปฎิบัติทั้งคนจน คนเลว คนดี นี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องทำรวมถึงรัฐบาลหน้าด้วย วันนี้ประเทศอาเซียน 10 ประเทศต้องเดินไปด้วยกัน เป็นเสือ 10 ตัว ไม่ใช่เป็นแค่เสือตัวที่ 1 เราจะไม่ทิ้งใครเหมือนที่เราจะไม่ทิ้งทุกท่าน เราทิ้งกันไม่ได้ต้องดูแลทั้งหมด

วันนี้ประเทศไทยมีทั้งเรื่องการท่องเที่ยว การบริการ ชิ้นส่วนรถยนต์ สมุนไพร ที่ทำขายกันอยู่แล้ว แต่ต้องเร่งรับรองมาตรฐานให้ได้ ต้องมีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมา สร้างดีมาน ซัพพราย ให้สอดคล้องกันและต้องดูว่าทำอย่างไรให้ธุรกิจเอสเอ็มอี กลับเข้าสู่ระบบให้ได้ อย่าไปกลัวเรื่องภาษี ต้องคิดถึงวันข้างหน้า ทำธุรกิจของตัวเองให้ดี รัฐบาลมีความจริงใจที่เข้ามาตรงนี้เพื่อต้องการดูแลประชาชนทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งนี้ถ้าระบบบัญชีไม่มีมาตรฐาน ก็ไม่มีใครเชื่อถือ ดังนั้นผู้ประกอบการต้องทำบัญชีครัวเรือนด้วย เพื่อให้รู้ค่าใช้จ่าย อะไรที่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือยก็บริจาคหรือขายทิ้งไป เพื่อลดค่าใช่จ่ายในครัวเรือน

นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจเอสเอ็มอี วันนี้ต้องแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกประกอบกิจการดี ก็ต้องขยายกิจการเพิ่มโดยการจัดหาเครื่องไม้เครื่องมือใหม่มาเพิ่ม กลุ่มที่สอง ส่งเสริมธุรกิจไปต่างประเทศ และกลุ่มที่สาม เป็นธุรกิจที่กำลังจะล้มละลาย แต่ยังสามารถฟื้นกิจการได้ โดยรัฐเข้าไปสนับสนุน การเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อมาปรับปรุงร้านค้า และบางครั้งก็ต้องทำตามคำแนะนำด้วย ซึ่งวันนี้อยากให้พื้นที่มีสินค้าขายเหมือนๆกัน กลับที่นำไปขายในห้าง โดยมีราคาที่แตกต่างแล้วแต่ความสะดวกของผู้บริโภค เพราะประชาชนมีหลายระดับรายได้ ตรงนี้เอสเอ็มอีเข้าไปเชื่อมในจุดนั้นด้วย โดยผู้ประกอบการต้องไปขึ้นทะเบียนให้เรียบร้อยด้วย

นอกจากนี้ด้านการตลาดพบว่ายังขาดบุคลากรที่มีความพร้อมในการนำเสนอให้เป็นไปตามที่ต้องการ วันนี้ต้องคิดผลิตสินค้าภายใต้แบรนของตัวเอง และผู้ผลิตต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตัวเองในการผลิตสินค้า เวลานี้กำลังให้คิดดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะสร้างแบรนด์ที่มีคุณภาพเป็นของรัฐบาลเอง อาจจะมียาสีฟันยี่ห้อ “สมคิด” ขึ้นมา เพื่อขายประชาชนในราคายุติธรรม แต่อย่าไปมีผลกระทบกับธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วนนั้นเขาก็ดำเนินธุรกิจหรือส่งออกของเขาไป โดยขณะนี้ตนได้เจรจากับร้านสะดวกซื้อนักธุรกิจใหญ่ๆ เพื่อที่จะให้ประชาชนนำสินค้ามาวางขายหน้าร้าน ซึ่งเขาก็โอเค ซึ่งการจะไปเป็นผู้ประกอบจนถึงเถ้าแก่ใหม่ต้องเตรียมความพร้อม ต้องรู้กติกาการค้า ระเบียบราชการ ต้องพัฒนาตัวเอง รัฐบาลก็จะเข้าไปช่วยดูแลตามความเหมาะสม

ขณะเดียวกันเอสเอมอีอย่าทำอะไรเพียงจุดเดียว ให้ทำหลายๆ ส่วนมาประกอบกันแล้วขาย จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้จำนวนมาก เช่น เครื่องบินแอร์บัส ที่มีฐานผลิตในหลายประเทศ และอยากให้ผู้ประกอบการนำเรื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้ให้มากขึ้น ทั้งการจัดทำบัญชีรวมถึงขายของด้วยอีคอมเมอร์ส เพราะจะลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มได้ เมื่อเริ่มต้นก็อย่าคิดถึงว่า จะรวยเมื่อไหร่แต่ให้คิดว่าทำอย่างไรให้เข้มแข็งก่อน อย่าคิดเพียงเรื่องใกล้ตัว และต้องเรียนรู้ให้มาก วันนี้หลายกองทุนมีการสนับสนุนไปก็ยังมีปัญหา เพราะเรามีปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่ยังสู้ไหว ตราบใดที่ได้รับรอยยิ้มจากประชาชน รัฐบาลพร้อมจะสู้เสมอ ขอให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ใครที่ทำให้ท่านมากที่สุด จะดีหรือไม่ดี ก็ยังดีกว่าไม่แสดงออกมาเลย ทั้งนี้อยากให้มีการพัฒนาสินค้าอย่างเช่น ที่เคยดูงาน มีการนำผักตบชวาไปทำเป็นสุขภัณฑ์ และมีรูสองรู พอถามว่ามีไว้ทำอะไร มีรูสองรูเพื่อปักดอกไม้ จึงคิดว่าถ้าเริ่มให้สามารถมีสุขภัณฑ์ที่นวดตัวได้จะดีหรือไม่ เพราะบางคนใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนาน เราต้องกำหนดเป้าหมายให้ได้ไม่ว่าจะเป็นตลาดไหน เพราะถ้าสามารถขายของได้ ก็จะได้กันหมด ทั้งผู้ประกอบการ และผู้ขายวัตถุดิบ อย่างไรก็ตามอยากให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ประสานงานกับข้าราชการเพื่อพัฒนาทั้งระบบ ขอให้ทุกกระทรวงใช้แอพพลิเคชั่น เอาการลงทุน ระเบียบแผนงานใส่ลงไป วันนี้เราจะทำอย่างไรให้คนมีรายได้ทุกพื้นที่ บ้านเมืองต้องสร้างความเข้มแข็ง ตั้งแต่ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล ไปจนถึงภูมิภาค รวมถึงการเชื่อมต่อกัน ในการค้าตามแนวชายแดน เขตเศรษฐกิจพิเศษกับประเทศเพือนบ้าน ประชาชนต้องเชื่อใจผม และต้องทำตามกติกา ถ้าไม่ยอมรับกติกาก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ เราต้องนึกถึงอนาคตว่าจะเดินอย่างไรต่อไป ใช้เวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ใช้เวลาที่มีโต้แย้ง ขัดแย้ง จะเอานี้เอาโน่นไม่มีใครทำได้ และจะเป็นบ่อเกิดขอการทุจริต ซึ่งแบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าเป็นการแบ่งแยกการปกครอง วันนี้ตนไม่ได้แบ่งใครเลย ไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่ง ต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน และปี 58-59 ต้องขับเคลื่อนให้ได้ ไม่ต้องรอปี 60-61หรือ 10 ปีข้างหน้า

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและการค้ำประกันสินเชื่อ สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ระหว่างธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บยส.) พร้อมกล่าวทักทายผู้เข้าร่วมงานดังกล่าวด้วยอัธยาศัยอันดี

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ