พม. จับมือ มท. และ สธ. จัดงานแถลงข่าว “โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด”

ข่าวทั่วไป Tuesday September 8, 2015 14:42 —สำนักโฆษก

เมื่อวันที่ ๗ ก.ย. ๕๘ เวลา ๐๙.๓๐ น. ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ ๕ ชั้น ๕ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ ศูนย์ราชการ เฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วมการแถลงข่าว "โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด” เพื่อมุ่งเน้นให้เด็กแรกเกิดได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ และมีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย เติบโตเป็นประชากรที่มีคุณภาพในอนาคต รวมทั้งเป็นหลักประกันให้เด็กได้รับสิทธิ์ด้านการอยู่รอด และการพัฒนาตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก โดยมี พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงข่าว

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็ก ถือเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งหลายประเทศในเอเชีย เช่น จีน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ได้นำมาใช้เพื่อช่วยประกันว่าเด็กทุกคนจะมีโอกาสที่ได้รับโภชนาการที่ดี ได้ไปพบแพทย์ตามกำหนด และมีหนังสือหรือของเล่น เพื่อส่งเสริมพัฒนาการ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีค่าใช้จ่าย หากพ่อแม่ของเด็กมีฐานะยากจน จะไม่สามารถจัดหาอาหารหรือการดูแลที่เหมาะสมให้เด็กได้ ทำให้สูญเสียโอกาสที่จะพัฒนาศักยภาพของเด็กอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลเด็กปฐมวัย ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีโครงการเฉพาะในด้านนี้ และน่าเป็นห่วงที่ผลการสำรวจในหลายปีที่ผ่านมา พบว่าเด็กไทย มีพัฒนาการที่ด้อยลง เช่น มีไอคิวลดต่ำลง รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้เริ่มโครงการ เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดขึ้น โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ เห็นชอบในหลักการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด โดยให้เงินอุดหนุนแก่เด็กแรกเกิดที่อยู่นอกระบบประกันสังคม ซึ่งเกิดระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ บิดาและมารดา หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มีสัญชาติไทย และอยู่ในครัวเรือนยากจนและครัวเรือนที่เสี่ยงต่อความยากจน ซึ่งจะได้รับเงิน คนละ ๔๐๐ บาท ต่อเดือน เป็นระยะเวลา ๑๒ เดือน

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อว่า คณะอนุกรรมการประสานและส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัย ภายใต้คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) ได้เตรียมความพร้อมในการดำเนินงานโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง ๓ กระทรวง คือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยได้ร่วมกันกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอน วิธีการดำเนินงาน และได้รับความเห็นชอบจาก กดยช. แล้วเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ มีกลุ่มเป้าหมาย คือ เด็กแรกเกิดและหญิงตั้งครรภ์ โดยอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.)อาสาสมัครอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาล และภาคีเครือข่าย ค้นหากลุ่มเป้าหมายที่มีคุณสมบัติในพื้นที่ เพื่อเชิญชวนเข้าร่วมโครงการหรือแนะนำให้ไปฝากครรภ์เพื่อเข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปลงทะเบียน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ ได้แก่ สำนักงานเขตในกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักสำหรับการรับลงทะเบียน ระหว่างวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ ถึง ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งผู้ที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ สามารถติดต่อเพื่อลงทะเบียน ณ ที่ทำการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ตามสถานที่อยู่ปัจจุบัน หรือในพื้นที่ที่ตนเองอาศัยอยู่จริง และในกรณีที่ไม่สามารถเดินทางไปลงทะเบียน ณ ที่ทำการ อปท. ได้ทันในระยะเวลาที่กำหนดนั้น กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มีแผนงานรองรับเพื่อขยายระยะเวลา การลงทะเบียนให้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ โดยผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการ สามารถยื่นเอกสารลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์ได้ ณ กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กรุงเทพฯ หรือที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ทุกจังหวัด ตามสถานที่อยู่ปัจจุบันหรือในพื้นที่ที่ตนเองอาศัยอยู่จริง

"เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด นับว่าเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่รัฐบาลส่งผ่านไปยังมารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเด็กแรกเกิด โดยให้เงินอุดหนุนเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ซึ่งเป็นความตั้งใจ ของรัฐบาลที่จะส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเด็กไทยได้มีพัฒนาการเหมาะสมตามช่วงวัย ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และเติบโตเป็นประชากรที่มีคุณภาพของสังคม ทั้งนี้ ขอเชิญชวนให้ผู้ที่มีคุณสมบัติไปลงทะเบียนเพื่อแสดงความจำนงขอรับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ ถึง ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้บ้าน หรือกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ทุกจังหวัดทั่วประเทศ” พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย

คุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ดังนี้ ๑.เด็กแรกเกิด : ๑.๑ เกิดระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ๑.๒ มีสัญชาติไทย (บิดาและมารดา หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทย) ๑.๓ ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ได้แก่ เงินสงเคราะห์บุตรจากกองทุนประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการหรือรัฐวิสาหกิจ และไม่อยู่ในความดูแลของหน่วยงานของรัฐ เช่น บ้านพักเด็กและครอบครัว สถานสงเคราะห์ของรัฐ ๒.หญิงตั้งครรภ์ : ๒.๑ มีกำหนดคลอดระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ๒.๒ อยู่ในครัวเรือนยากจนและครัวเรือนที่เสี่ยงต่อความยากจน ที่มีการรับรองสถานะของครัวเรือนเรียบร้อย

การรับเงิน ๑.รับด้วยตนเอง ณ กรมกิจการเด็กและเยาวชน หรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นรับแทน) กรณีมอบอำนาจ ให้นำหนังสือมอบอำนาจและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบและผู้รับมอบอำนาจมายื่นด้วย ๒. รับผ่านบัญชีธนาคาร (นำสำเนาสมุดบัญชีธนาคารที่หน้าแสดงหมายเลขบัญชีและชื่อผู้รับเงินมายื่น)

นอกจากนี้กรมกิจการเด็กและเยาวชนหรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดจะประสานส่งต่อข้อมูลกลุ่มเป้าหมายไปยังสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (ตามแต่กรณี) ทุกวันที่ ๑๖ ของเดือน เพื่อให้สามารถนำข้อมูลไปใช้ประกอบการให้บริการเชิงรุกด้านอนามัยแม่และเด็กสำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด โดยทีมหมอครอบครัวจะติดตามเยี่ยมบ้านและดูแลหญิงตั้งครรภ์และเด็กแรกเกิดได้ตามมาตรฐาน

การร้องเรียนและเสนอแนะ: ผู้มีสิทธิ์ และประชาชนทั่วไป สามารถร้องเรียน และเสนอแนะ การดำเนินงาน ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

๑) กรมกิจการเด็กและเยาวชน เลขที่ ๖๑๘/๑ ถนนนิคมมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ โทร. ๐๒๒๕๕ ๕๘๕๐ ต่อ ๑๔๙ , ๑๙๒ หรือ ๐๒๖๕๑ ๖๕๓๒ หรือเว็บไซต์ www.dcy.go.th

๒) สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด

๓) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น : สำนักงานเขต เมืองพัทยา เทศบาลองค์การบริหารส่วนตำบล

๔) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC โทร. ๑๓๐๐ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง

๕) ศูนย์ดำรงธรรม โทร. ๑๕๖๗ เมื่อหน่วยรับร้องเรียน ตามข้อ ๓) ๔) และ ๕) ได้รับข้อร้องเรียนและข้อเสนอแนะแล้ว ให้ประสานข้อมูลไปยังกรมกิจการเด็กและเยาวชน หรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด เพื่อบันทึกข้อมูลในระบบฐานข้อมูลเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด และดำเนินการตามแต่กรณีต่อไป

สำหรับการติดตามและประเมินผลจะมีการดำเนินการร่วมกัน โดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กระทรวงมหาดไทยกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (Unicef) สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เพื่อปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเด็กต่อไป

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ