ด้านความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ไทยและสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรเก่าแก่และยาวนานมากว่า 182 ปี ซึ่งทั้งสองฝ่ายพร้อมเดินหน้าสนับสนุนความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ต่อไป เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่ายและภูมิภาคโดยรวม
พัฒนาการการเมืองไทย รองนายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีมีความชัดเจนและมุ่งมั่นในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ (Roadmap) โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนและการปฏิรูปประเทศซึ่งจะเป็นการวางฐานสำหรับการบริหารราชการของรัฐบาลต่อไป สำหรับการปฏิรูปการเมืองได้วางกรอบการทำงานไว้ตามระยะเวลา 6-4-6-4 คือ ครอบคลุมระยะเวลาสำหรับการร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จ การจัดทำประชามติ การจัดทำกฎหมายลูกเพื่อประกอบการเลือกตั้งและระยะเวลาสำหรับการจัดการเลือกตั้งทั่วไป ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยความเชื่อมั่นว่า ตัวเลขที่กำหนดไว้เป็นเพียงกรอบเวลาที่ตั้งไว้สำหรับการทำงานในแต่ละช่วงซึ่งเชื่อว่าสามารถย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้น โดยจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอน ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็เดินหน้าบริหารประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน รวมทั้งส่งเสริมประชาธิปไตย บนรากฐานของความโปร่งใส ความรับผิดชอบ การตรวจสอบได้ และ
ความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ สำหรับก้าวต่อไปของความสัมพันธ์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ทั้งสองประเทศสามารถร่วมมือกันได้ในหลายด้าน เพราะมีความใกล้ชิดกันมาเป็นเวลานาน หวังว่าจะเห็นพลวัตเชิงบวกต่อไป จากการที่ทั้งสองฝ่ายพบหารือและแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันมากขึ้น โดยด้านการศึกษาจะเป็นความร่วมมือที่ช่วยเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกันได้ ส่วนด้านการปราบปรามอาชญากรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งสองฝ่ายยินดีที่มีความร่วมมือด้านนี้อย่างแข็งขัน ผ่านสถาบันฝึกอบรม International Law Enforcement Academy (ILEA) ซึ่งการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญและคอร์สอบรมต่าง ๆ เป็นประโยชน์ในการส่งเสริมศักยภาพของหน่วยงานไทย
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐ ฯ ได้กล่าวชื่นชมประเทศไทยว่า เป็นประเทศชั้นนำของภูมิภาคและและยังเป็นศูนย์กลางของกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะบทบาทโดดเด่นของไทยที่ผ่านมา ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเกี่ยวกับการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่ง ไทยและสหรัฐฯ จะร่วมกันทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดทั้งในด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ ยาเสพติด การแพทย์และสาธารณสุข เป็นต้น จากการที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับภาคเอกชนสหรัฐ ฯ ในไทยนั้น ทราบว่า นักธุรกิจสหรัฐ ฯ มีความมั่นใจและพร้อมที่ลงทุนและพัฒนาธุรกิจในไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ที่จะต้องผลักดันความร่วมมือกับกับประเทศไทยที่มีอยู่รอบด้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเชื่อว่าประเทศไทยจะประสบความสำเร็จในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศตามที่ได้กำหนดไว้
ที่มา: http://www.thaigov.go.th