นายกรัฐมนตรีแสดงวิสัยทัศน์ในงาน "Innovation for Sustainability 2015 : The Power of Collaboration" เพื่อร่วมขับเคลื่อนการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ

ข่าวทั่วไป Friday November 6, 2015 15:17 —สำนักโฆษก

วันนี้ (6 พ.ย.58) เวลา 13.00 น. ณ ห้องคริสตัลแกรนด์บอลรูม Crystal Design Center เลียบทางด่วนรามอินทรา กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานและแสดงวิสัยทัศน์ในงาน "Innovation for Sustainability 2015 : The Power of Collaboration" เพื่อร่วมขับเคลื่อนการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ พร้อมเยี่ยมชม SCG Innovative Exposition 2015 ภายใต้แนวคิด เรื่อง “Care” เพื่อตอบสนองรูปแบบผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยผลงานวิจัยและพัฒนาที่นำมาจัดแสดงกว่า 90% เป็นผลงานที่มีการใช้ในเชิงพาณิชย์แล้ว ทั้งนี้ SCG ได้จัดงานสัมมนาดังกล่าวขึ้นเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้เห็นความสำคัญและมีส่วนร่วมในการใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเป็นกลไกในการสร้างสรรค์นวัตกรรมบนพื้นฐานแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่ง SCG ถือเป็นหนึ่งในองค์กรธุรกิจสำคัญในภูมิภาคอาเซียนที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งยังได้นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โดยมี หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) คณะผู้บริหารและพนักงานบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ผู้แทนคณะทูตานุทูต ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ผู้บริหารเอกชน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่ได้มาเป็นประธานเปิดงาน Innovation for Sustainability : The Power of Collaboration โดย บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG) ได้จัดขึ้น เพื่อกระตุ้นในทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของความร่วมมือในการพัฒนาด้านการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ให้มีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ทราบดีถึงความตั้งใจจริงของ SCG มาโดยตลอดในการดำเนินงานในฐานะภาคเอกชน ซึ่งโชคดีที่ประเทศไทยเดินหน้ามาได้ด้วยเอกชน อย่างไรก็ตามการก้าวไปข้างหน้าทุกคนต้องเดินไปด้วยกันโดยไม่ทิ้งคนใดคนหนึ่งไว้ข้างหลัง รวมถึงมิตรประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนของเราด้วย เพราะทั้งหมดอยู่ในธุรกิจเครือข่ายเดียวกันทั้งสิ้น พร้อมกล่าวว่าในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้พยายามดำเนินการทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจในทุกเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการมาโดยตลอด ทั้งเรื่องความมั่นคง การเมือง การเดินหน้าประเทศไทย การปฏิรูปประเทศ การบริหารราชการแผ่นดิน ฯลฯ เพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปอย่างมั่นคงและมีอนาคตที่ยั่งยืน

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยจะต้องมีการวิจัยและพัฒนาให้มากยิ่งขึ้น ภายใต้สถานการณ์ของวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส โดยลดสิ่งที่เป็นจุดด้อยให้มากที่สุด เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและความเชื่อมั่นด้านการค้าการลงทุนกับมิตรประเทศทั้งในภูมิภาคอาเซียนและประชาคมโลก ทั้งนี้ ปัญหาด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศขณะนี้คือเรื่องของรายได้เข้าประเทศ เพราะความเข้มแข็งในเรื่องดังกล่าวประเทศไทยยังมีไม่เพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งตรงนี้ต้องกลับไปพิจารณาถึงจุดด้อยและปัญหาในสิ่งที่ดำเนินการที่ผ่านมา เพื่อจะได้ทราบถึงสาเหตุที่ยังไม่สามารถพัฒนาให้ทัดเทียมกับประเทศ อื่น ๆ ได้ แม้ประเทศไทยจะมีทรัพยากรและบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการวิจัยและพัฒนาสิ่งต่าง ๆ จำนวนมาก อย่างไรก็ตามเมื่อรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินได้เร่งดำเนินการเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นความขัดแย้งและสิ่งที่เป็นวิกฤตต่าง ๆ ในปัจจุบันท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้น โดยรัฐบาลได้แบ่งการบริหารราชการแผ่นดินในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ ออกเป็นหลายกลุ่มประเทศ เช่น กลุ่มประเทศตะวันตก กลุ่มประเทศตะวันออก กลุ่มแอฟริกา กลุ่มประเทศหมู่เกาะ กลุ่ม CLMV กลุ่มอาเซียน เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันโดยเฉพาะการเป็น partnership หรือการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ทั้งนี้ สิ่งแรกที่ทุกคนจะต้องดำเนินการคือการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยหรืออาเซียนให้ประชาชนทั่วโลกได้ประจักษ์และรับรู้ โดยต้องลดความขัดแย้งภายในประเทศไทยให้ได้ และสร้างมุมมองใหม่ ตลอดจนอธิบายให้ประชาคมโลกได้เข้าใจถึงความจำเป็นในการเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลปัจจุบัน และชี้แจงให้รับทราบมูลข้อที่ถูกต้องในสถานการณ์ที่ขึ้นของประเทศไทย

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวยืนยันถึงการดำเนินการที่ผ่านมาของรัฐบาลอยู่บนความเมตตาและคำนึงถึงความเป็นคนไทย ซึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาขณะนี้ก็คือความเข้มแข็งของประเทศและขีดความสามารถแข่งขัน โดยเฉพาะรายได้เข้าประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น่าพึงพอใจมากนักเพื่อจะให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศในระยะต่อไปยังไม่เพียงพอ โดยสิ่งที่จะเสริมในเรื่องนี้ได้คือการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมารองรับการพัฒนาประเทศ โดยภาครัฐต้องได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากภาคเอกชนในการดำเนินการดังกล่าว โดยเฉพาะ SCG เพราะขณะนี้เราต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของโลกในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง โลกร้อน ภัยจากการก่อการร้ายสุดโต่ง การแข่งขันในเรื่องการค้าการลงทุน การเป็นเศรษฐกิจเดียว และการเชื่อมโยง หรือ connectivity เป็นต้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ จึงทำให้ประเทศไทยต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ได้ โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการที่จะดำเนินการในเรื่องของสร้างนวัตกรรมให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศและยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ SCG สร้างผลิตภัณฑ์ การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่มีความแตกต่าง ตลอดจนมีการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรมให้น่าสนใจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมนั้น ๆ ขณะเดียวกันขอให้มีการทำกิจกรรม CSR (Corporate Social Responsibility) ควบคู่กับการประกอบธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และสร้างการวิจัยและพัฒนาให้มากขึ้น รวมถึงการสร้าง social business วิสาหกิจชุม และ SMEs ให้เข้มแข็ง เพื่อเป็นภาคีเครือข่ายระหว่างกันและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน พร้อมกล่าวขอบคุณ SCG ในการดำเนินธุรกิจและการสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน สอดคล้องตามเป้าหมาย Sustainable Development Goals (SDG) ของ UN เพราะปีนี้สิ่งสำคัญที่จะต้องขับเคลื่อนคือเรื่องของความยั่งยืน โดยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปฏิบัติให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และให้ทุกภาคส่วนรู้จักการประมาณตน มีเหตุมีผล และสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี โดยต้องอาศัยองค์ความรู้และการนำมาใช้อย่างมีคุณธรรม จริยธรรม และบริหารจัดการองค์กรอย่างมีธรรมาภิบาล อีกทั้งเพื่อเป็นการเผยแพร่พระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ประชาคมโลกได้ประจักษ์

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ