เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ข่าวทั่วไป Friday November 20, 2015 14:18 —สำนักโฆษก

วันนี้ (20 พ.ย. 2558) เวลา 10.00 น. นายอีโว ซีเบอร์ (Mr.Ivo Sieber) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ในประเทศไทย ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญดังนี้

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้พบกับเอกอัครราชทูตฯในวันนี้ โดยเป็นโอกาสอันดีที่เอกอัครราชทูตฯจะได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้เคยประจำการที่ประเทศไทยในตำแหน่งรองหัวหน้าสำนักงาน สถานเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย ระหว่างปี ค.ศ. 1994-1998 ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสมาพันธรัฐสวิส โดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตฯต่างยินดีที่ความสัมพันธ์ไทย-สมาพันธรัฐสวิส อยู่ในระดับที่แน่นแฟ้นและใกล้ชิด ซึ่งโดยปีหน้าจะครบรอบ 85 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสมาพันธรัฐสวิสยังมีความสัมพันธ์ที่เป็นเอกลักษณ์ เนื่องจากเป็นพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์เคยประทับและทรงศึกษาที่สมาพันธรัฐสวิสเมื่อทรงพระเยาว์

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่ประเทศไทยยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวสวิส โดยมีนักท่องเที่ยวชาวสวิสเดินทางมาไทยอย่างต่อเนื่องในทุกปี โดยขณะนี้รัฐบาลได้ติดตามข่าวและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายตลอดเวลา จึงขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลไทยพร้อมดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวชาวสวิส รวมถึงนักท่องเที่ยวจากทุกๆชาติ ซึ่งทางเอกอัครราชทูตฯได้แสดงความพอใจ พร้อมกล่าวว่า เหตุการณ์ก่อการร้ายที่กรุงปารีสแสดงให้ทุกคนเห็นว่าการก่อการร้ายสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทางยุโรปก็ได้มีการประสานงานทางด้านข่าวกรองและการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนามากขึ้น จึงรู้สึกยินดีอย่างมากที่รัฐบาลไทยได้ติดตามสถานการณ์การก่อการร้ายอย่างใกล้ชิดและรับรองความปลอดภัยของชาวสวิสที่มาท่องเที่ยวและอาศัยอยู่ในไทย

ในช่วงท้ายรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังได้ชี้แจงให้กับเอกอัครราชทูตฯถึงกระบวนการปฏิรูปของไทย โดยปีหน้าจะเป็นปีของการขับเคลื่อนและเร่งรัดในการช่วยเหลือประชาชน ควบคู่ไปกับการปฏิรูปประเทศในทุก ๆ ด้าน และการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืนทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ก่อนจะส่งผ่านไปสู่ระยะที่สาม คือ การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวรและการจัดการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งรัฐบาลชุดต่อไปจะต้องมาสานต่อและดำเนินการเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งทางเอกอัครราชทูตฯได้แสดงความพอใจ และขอให้รัฐบาลประสบความสำเร็จในการดำเนินการตาม Roadmap

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ