เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะรองนายกรัฐมนตรี

ข่าวทั่วไป Thursday November 26, 2015 10:12 —สำนักโฆษก

วันนี้ (26 พฤศจิกายน 2558) เวลา 14.00 น. นายอีโว ซีเบอร์ (H.E.Mr. Ivo Sieber) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

รองนายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีต่อการเข้ารับหน้าที่ใหม่ของเอกอัครราชทูตฯ ซึ่งด้านเอกอัครราชทูตฯได้ กล่าวขอบคุณที่ได้มีโอกาสหารือกันในวันนี้ และยังยินดีที่ความสัมพันธ์ไทยและสมาพันธรัฐสวิสมีมาอย่างยาวนาน โดยปีหน้าจะครบรอบ 85 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์เคยประทับและทรงศึกษาที่สมาพันธรัฐสวิสเมื่อทรงพระเยาว์ด้วย

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงแนวทางในการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงพลังงานและการท่องเที่ยว โดยเอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า การท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ เป็นเรื่องที่สำคัญและมีความโดดเด่นมาก โดยมีชาวสวิสเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และชาวไทยก็ได้เดินทางไปท่องเที่ยวสมาพันธรัฐสวิสอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีในระดับประชาชนของทั้งสองฝ่าย

ด้านการศึกษา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยพยายามที่สร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาของประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนา นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังชื่นชมระบบการศึกษาของสมาพันธรัฐสวิสด้วย ซึ่งทางเอกอัครราชทูตฯได้แสดงความยินดีในการให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลได้ทุกเมื่อ

ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยกำลังเร่งดำเนินการจัดตั้งเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพื่อกระจายความเจริญให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ Data Center เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาสังคมควบคู่กันไป สำหรับด้านพลังงาน รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยจำเป็นต้องนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ ทั้งไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน โดยปัจจุบันไทยกำลังศึกษาถึงแนวทางในการเก็บสำรองพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน ด้วยการศึกษาและวิจัย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศ และอาจจะเป็นโยชน์ในด้านพาณิชย์ต่อไป

ในตอนท้ายเอกอัครราชทูต ได้กล่าวชมนโยบายการปฏิรูปที่รองนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงให้ทราบ และทั้งสองฝ่ายยังยินที่ดีจะให้ความร่วมมือและสนับสนุนในการดำเนินงานต่างๆ ระหว่างกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในแน่นแฟ้นและยั่งยืนต่อไป

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ