รัฐบาลรับสนองพระราชดำรัสใส่เกล้าฯ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน

ข่าวทั่วไป Tuesday January 5, 2016 15:10 —สำนักโฆษก

วันนี้ (5 ม.ค. 59) เวลา 15.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมเรื่องที่นายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งการต่อที่ประชุมฯ

เรื่องแรก นายกรัฐมนตรีได้ชีแจงให้ที่ประชุมทราบ เรื่อง ส.ค.ส. พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งพระราชทานให้แก่คนไทยทุกคนเนื่องโอกาสขึ้นปีใหม่ 2559 ซึ่งมีสาระสำคัญความว่า “ในวิถีชีวิตของคนเรานั้น มีทั้งสุขและทุกข์ สมหวังและผิดหวัง จึงควรเตรียมการให้พร้อม ไม่ประมาท พร้อมเสริมสร้างกำลังกายที่แข็งแรงและมีกำลังใจที่เข้มแข็งหนักแน่น และมีสติรู้เท่าทันอยู่เสมอ เพื่อผ่านพ้นสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ตามที่ปรารถนา ”

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี ได้รับสนองพระราชดำรัสใส่เกล้าฯ เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติ ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติและประชาชน ตามแนวพระราชดำรัสฯ ดังกล่าว และไม่ให้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตวนเวียนกลับมาอีก

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มุ่งหวังให้สังคมโดยรวมตลอดจนครอบครัวและประเทศชาติ เตรียมกายใจให้พร้อม เพื่อที่จะดำเนินการขับเคลื่อนประเทศชาติไปข้างหน้าให้เกิดประโยชน์ในทิศทางที่เหมาะสมและด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนด้วย

เรื่องที่ 2 นายกรัฐมนตรีได้ปรารภเรื่องการลดอุบัติเหตุในเทศกาลช่วงวันขึ้นปีใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวก และความปลอดภัยในการเดินทาง อย่างไรก็ตามตัวเลขผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตได้มีการนำเสนอข่าวเป็นตัวตั้งซึ่งมีตัวเลขสูงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งหากขยายความเพิ่มเติมในการสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ในการปลูกจิตสำนึก รณรงค์ และบังคับใช้กฎหมายตามาตรา 44 อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะต้องมีการบังคับใช้ทุกวัน ๆ ไม่ใช่แค่ช่วงเทศกาลเท่านั้น เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัย ในขณะเดียวทุกภาคส่วนควรมีส่วนร่วม ในการดำเนินการดังกล่าวและหากมีการฝ่าฝืนกฎหมายก็มีความจำเป็นต้องยึดรถและใบขับขี่พร้อมมีการอบรมให้ทุกคนเคารพกฎหมายอย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม การเกิดอุบัติเหตุที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2544 – 2548 มีผู้ประสบอุบัติเหตุประมาณ 500 – 600 คน ต่อปี ส่วนปี 2550 มีผู้ประสบอุบัติเหตุจำนวนลดลงเพียง 400 คน ต่อปี และปี 2555 มีผู้ประสบอุบัติเหตุประมาณ 300 คน ต่อปี เมื่อย้อนดูแล้วจะเห็นว่าในช่วงปีที่ผ่านมามีการใช้รถยนต์จำนวนยังไม่มากนัก แต่ปัจจุบันมีการใช้รถยนต์จำนวนมากขึ้น แต่สถิติการเกิดอุบัติเหตุเฉลี่ย 300 คน ต่อปี ก็ถือว่ามาตรการการรักษาความปลอดภัยในการใช้รถยนต์ยังได้ผลดีพอสมควร

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเน้นย้ำว่า”ความสูญเสียชีวิตของประชาชนเพียงคนเดียวก็ไม่ทำให้ใครมีความสุข แต่เป็นความทุกข์ของทุกคน” ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนพยายามรณรงค์ให้ผู้ใช้รถยนต์ มีวินัยในการใช้รถ ใช้ถนน เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคนอย่างเต็มที่

เรื่องที่ 3 นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใยสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ซึ่งหลายภาคส่วนต่างวิเคราะห์ว่า ปี 2559 นี้ มีความน่าเป็นห่วงมากพอสมควร ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีความเห็นว่าสถานการณ์ดังกล่าว สามารถผ่านพ้นไป ได้หากพี่น้องประชาชนมีวิจารณญาณในการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน

นายกรัฐมนตรีขอให้รัฐบาลมีการสื่อสาร 2 ทาง ในการแก้ไขปัญหาและผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการด้วยการชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชนให้รับทราบข้อมูลบนพื้นความถูกต้อง อย่างไรก็ตามรัฐบาลยอมรับเรื่องการมีประชาธิปไตยแต่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะสามารถนำพาประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ไปได้ เนื่องด้วยที่ผ่านมาประเทศชาติมีสถานการณ์ต่าง ๆ ที่สะสมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการนำงบประมาณในอนาคตมาใช้เพื่อประชานิยม จึงไม่ใช่เป็นการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน ดังเช่น กรณียางราคาตกต่ำรัฐบาลแนะนำให้เกษตรกรปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน และหากเกษตรกรยังนิยมปลูกยางเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และเมื่อเกิดปัญหารัฐบาลก็ใช้วิธีผยุงราคายางด้วยการนำงบประมาณมาใช้ ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนเช่นกัน

นอกจากนี้หากรัฐบาลนำงบประมาณมาชดเชยพืชเศรษฐกิจทุกชนิด ประเทศชาติก็จะไม่สามารถอยู่รอดได้ ปัญหาต่าง ๆ ก็จะวนเวียบกลับมาอีกครั้ง ดังนั้นจึงมีความจำเป็น ที่จะช่วยกันชี้แจงให้ประชาชนเกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้

เรื่องที่ 4 นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำแก่คณะรัฐมนตรีถึงแผนงานบริหารราชการแผ่นดินในปี 2559

โดยให้ทุกกระทรวง ทุกกลุ่มงาน ดำเนินการประเด็นหลัก 4 เรื่อง ได้แก่ การบริหารราชการแผนดินในภาวะปกติ การปฏิรูป ทั้งดำเนินการเสร็จแล้วและดำเนินการเสร็จบางส่วน รวมทั้งการส่งต่อให้รัฐบาลต่อไปดำเนินการ

การแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เช่น มาตรการสร้างความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน การแก้ไขปัญหาประมง ตลอดจนการขับเคลื่อนงานเร่งด่วน (โครงสร้างเศรษฐกิจ โครงสร้างการเงินการคลัง และการทวงคืนผืนป่า)

ทั้งนี้ ประเด็นหลักทั้ง 4 เรื่อง ดังกล่าวที่จะดำเนินการบริหารราชการแผ่นเดินในปี 2559 นั้น คณะรัฐมนตรีจะต้องดำเนินการโดยแปลงนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฎิบัติให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและทุกภาคส่วนโดยมีผลสัมฤทธิ์ มีดัชนีชี้วัดที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาประเทศชาติจากฐานราก ด้วยมาตรฐานสากล สามารถเพิ่มขีดการแข่งขันกับนานาชาติได้

นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเรื่องการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนให้ทราบถึงการทำงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องและชัดเจน ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ได้เสนอแผนการประชาสัมพันธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยกำหนดให้แต่ละกระทรวงเสนอโฆษกกระทรวงขึ้นมาใหม่ โดยผ่านความเห็นชอบรัฐมนตรีกระทรวงนั้น ๆ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ พร้อมแจ้งสื่อมวลชนให้ทราบด้วย เพื่อให้สามารถสื่อสารเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารของกระทรวงนั้น ๆ ได้อย่างถูกต้องและชัดเจน โดยปลัดกระทรวงและอธิบดีมีส่วนช่วยชี้แจงในรายละเอียดด้วย ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวมีการให้คุณ ให้โทษ โดยให้โฆษกของกลุ่มมามีส่วนร่วมในการชี้แจง ในภารกิจของกลุ่มตามความเหมาะสม ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีจะลดการชี้แจงในเรื่องต่าง ๆ ลง และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี พร้อมโฆษกกระทรวงชี้แจงเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น

รองนายกรัฐมนตรี (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้ชี้แจงเรื่องความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินการป้องกันภัยมากกว่าการแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น ๆ ด้วยการใช้กำลังพลทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง โดยให้ภาคประชาชนมามีส่วนร่วมด้วย

รองนายกรัฐมนตรี (พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ชี้แจงเรื่องการท่องเที่ยวปี 2559 เมื่อเทียบกับปี 2558 จะมีการขับเคลื่อนมากขึ้น โดยเน้นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมีค่าใช้จ่ายต่อหัวมากขึ้น และให้ความสนใจซื้อสินค้าโอทอป ที่มีนวัตกรรมแปลกใหม่ โดยมีการกำหนดรายละเอียดในโบว์ชัวร์ให้นักท่องเที่ยวทราบล่วงหน้า เพื่อเพิ่มรายได้การท่องเที่ยวเข้าประเทศกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) ชี้แจงว่าปีที่ผ่านมาเน้นดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย สำหรับปีนี้เน้นพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งถึงวัยทำงาน ไม่เน้นผลิตคนเพื่อการทำงานภาคเอกชนหรือภาคราชการเท่านั้น แต่เน้นการสร้างต้นแบบเยาวชนให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อพัฒนาประเทศ

รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ชี้แจงเรื่อง การสร้างความเข้าใจกับกลุ่มต่าง ๆ เกี่ยวกับพลังงาน ด้านปิโตรเลียม ประกอบด้วยกรรมาธิการสภาฯ กลุ่มองค์เอกชนและกลุ่มมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ให้มามีบทบาทร่วมกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านปิโตรเลียมด้วยเหตุและผลเพื่อสร้างความมั่นคง และสามารถให้พลังงานของประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ตลอดจน การพัฒนาเครือข่าย IT ของทุกค่าย ทุกกลุ่มให้มีศักยภาพในเกือบทุกพื้นที่ ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ซึ่งประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น

รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ชี้แจง ถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในประเทศ โดยพร้อมขับเคลื่อนปฏิรูปเศรษฐกิจ ครอบคลุมระดับชุมชนมากว่า 4 เดือนแล้ว ตลอดจนกระตุ้นใช้จ่ายภาครัฐ กระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจของโลกในปี 2559 ไม่ค่อยสดใส แต่เชื่อมั่นว่าวิธีการและแนวทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ดำเนินการไว้จะสามารถผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ เนื่องด้วยเศรษฐกิจของประเทศไทยไม่ได้เน้นเศรษฐกิจการส่งออกเท่านั้น แต่รัฐบาลเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจจากภายในประเทศ เพื่อสามารถเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง ด้วยการเตรียม โครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยเฉพาะในท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยไม่ได้เน้นเฉพาะโครงสร้างการพัฒนาอุตสาหกรรมเท่านั้น รวมทั้งการเน้นระบบเศรษฐกิจชุมชนด้านการท่องเที่ยวโดยเชื่อมโยงกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต. และ อบจ.) ตลอดจนให้สำนักงบประมาณจัดเตรียมงบประมาณสำรองกลางปี เพื่อรักษาความสมดุลของเศรษฐกิจในภาครวมของประเทศ

อนึ่ง รองนายกรัฐมนตรี ( นายวิษณุ เครืองาม) จะชี้แจงเกี่ยวกับความคืบหน้าในการพัฒนากฎหมายในโอกาสต่อไป

************

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

สุภิญญา รายงาน

ดวงใจ ตรวจ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ