เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปรตุเกสประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี

ข่าวทั่วไป Wednesday January 13, 2016 11:33 —สำนักโฆษก

วันนี้ (13 ม.ค. 59) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายฟรังซิชกู เด อัสซิช มูไรช์ เอ คูญา วาซ ปัตตู (H.E. Mr. Francisco de Assis Morais e Cunha Vaz Patto) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปรตุเกสประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่

พลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตฯ ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยประเทศไทย และรัฐบาลพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกัน

เอกอัครราชทูตฯ กล่าวถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ พร้อมย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเมื่อปี พ.ศ. 2555 มีการจัดกิจกรรมฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 500 ปีที่สำคัญ ได้แก่ การมอบศาลาไทย โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เป็นประธานมอบให้แก่รัฐบาลโปรตุเกส โดยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปรตุเกสประจำประเทศไทย

นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอบคุณโปรตุเกสและเอกอัครราชทูตฯ ที่เข้าใจสถานการณ์การเมืองไทย และยังคงดำเนิน และรักษาปฏิสัมพันธ์กับไทย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ โดยขณะนี้กำลังเดินหน้าตามแผนปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง ทั้งนี้ หลายประเทศมีความเข้าใจในสถานการณ์ในไทย

ปัจจุบัน ไทยและโปรตุเกสมีความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างกันมากขึ้น ทั้งการลงทุนของบริษัทเอกชนในโปรตุเกส การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์โปรตุเกสประจำ จ. เชียงใหม่ รวมทั้งความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการศึกษา โดยทั้งสองฝ่ายหวังว่า ในอนาคตไทยและโปรตุเกสจะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง รวมทั้งคณะนักธุรกิจมากขึ้น เพื่อรักษาพลวัตความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ

ในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีเล็งเห็นว่า การจัดคณะนักธุรกิจโปรตุเกสมาเยือนไทย จะทำให้เห็นถึงศักยภาพของไทยและภูมิภาค จากการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในปีนี้ ซึ่งทำให้ตลาดการค้ามีขนาดใหญ่ ด้วยจำนวนประชากรมากถึง 600 ล้านคน นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังมีนโยบาย Thailand plus one ที่นักลงทุนต่างชาติสามารถใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งของไทย เป็นฐานการค้าเชื่อมโยงไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค

ด้านวัฒนธรรม ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ยาวนานกว่า 500 ปี ตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยให้มีมรดกทางวัฒนธรรมของโปรตุเกสในไทยมากมาย เช่น หมู่บ้านโปรตุเกสที่ จ. พระนครศรีอยุธยา ขนมทองหยิบ ทองหยอด เป็นต้น

โดยทั้งสองฝ่ายพร้อมศึกษา เพื่อหาลู่ทางความร่วมมือกันในอนาคต เพื่อส่งเสริมกิจกรรมด้านวัฒนธรรมระหว่างกันให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะมีการลงนามความตกลงลงการสถาปนาความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่ากรุงเทพมหานครและกรุงลิสบอน ในช่วงที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเดินทางเยือนโปรตุเกสในเดือนมกราคม 2559 นี้ การลงนามครั้งนี้ จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างเมืองหลวงของทั้งสองประเทศมากยิ่งขึ้น

ในด้านการศึกษา ยินดีที่มหาวิทยาลัยทั้งสองประเทศมีความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการแลกเปลี่ยนนักวิชาการ นักศึกษา และนักวิจัย รวมถึงการทำวิจัยร่วมกัน

ด้านการท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นอันดับต้น ๆ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างกัน

นอกจากนี้ ด้านความมั่นคง ไทยกับโปรตุเกสพร้อมกระชับความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างกันมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีเล็งเห็นว่า โปรตุเกสมีกองทัพเรือที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งสองฝ่ายสามารถแลกเปลี่ยนกันได้

ในตอนท้าย เอกอัครราชทูตฯกล่าวว่า จะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยไทยถือเป็นประเทศพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของไทย และรัฐบาลโปรตุเกสพร้อมให้ความช่วยเหลือนักลงทุนไทยและโปรตุเกสอย่างเต็มที่

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ