รองนายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีต้อนรับเอกอัครราชทูตฯ ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ และทราบว่าเอกอัครราชทูตฯ ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีท่านอื่นๆ ไปบ้างแล้ว นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี แสดงความชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของนายชอน แจ-มัน อดีตเอกอัครราชทูตฯ ในการกระชับความสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้ และพร้อมที่จะร่วมมือกับเอกอัครราชทูต ในประเด็นต่างๆ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันต่อไป รวมทั้งยินดีสนับสนุนการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างไทย – เกาหลีใต้ ในทุกมิติ
ด้านเอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า ไทยกับเกาหลีใต้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดแน่นแฟ้น และขอบคุณไทยที่ได้ส่งทหารเข้าร่วมกองกำลังสหประชาชาติ ในช่วงสงครามเกาหลี (ระหว่างปี 2493 - 2496) ทั้งนี้ เชื่อว่าความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างทั้งสองประเทศจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน
ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี แสดงความขอบคุณสาธารณรัฐเกาหลีที่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา พร้อมชี้แจงว่า ขณะนี้ไทยกำลังอยู่ระหว่างการปฏิรูปเพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวชมระบบกฎหมายของสาธารณรัฐเกาหลี รวมถึง E-Government หรือ รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นวิธีการบริหารจัดการภาครัฐโดยการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของภาครัฐ โดยเกาหลีถือเป็นผู้นำในด้านดังกล่าว
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจให้มากขึ้น ทั้งด้านการค้าและการลงทุน ทั้งนี้ ไทยยินดีหากมีบริษัทเกาหลีจะสนใจมาลงทุนในไทย อาทิ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง รวมไปถึงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟ ซึ่งขณะนี้ไทยกำลังปรับปรุงนโยบายสนับสนุนการลงทุนในไทยให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ด้านเอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า ไทยถือเป็นประเทศศูนย์กลางและประตูสู่อาเซียน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียน-เกาหลีใต้ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ประเด็นด้านการท่องเที่ยว รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าชาวไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้เป็นจำนวนมากในแต่ละปี อย่างไรก็ตามมีข้อห่วงกังวลถึงกรณีที่ชาวไทยที่เดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ ถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีใต้ส่งตัวกลับประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เนื่องมาจากมีปัญหาด้านเอกสารสำหรับการเดินทาง ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้ขอให้ทางเกาหลีใต้ผ่อนปรนหรือลดความเข้มงวดในประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้ ด้านเอกอัครราชทูตฯ ได้ชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่า ชาวไทยที่เดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ มีจำนวนมากถึง 63% ที่อาศัยอยู่เกิน 90 วัน ตามข้อกำหนด จึงทำให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการเดินทางเข้าประเทศของชาวไทย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันเพื่อลดจำนวนตัวเลข พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น
ที่มา: http://www.thaigov.go.th