ในปัจจุบัน รัฐบาลไทยได้มีนโยบายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การปรับโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน มีความซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน จำเป็นต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา รวมทั้งความร่วมมือจากต่างประเทศด้วย ซึ่งหวังว่าสมาพันธรัฐสวิสจะมีความเข้าใจในเรื่องนี้ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้เน้นย้ำว่าประเทศไทยมิได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหา และขอให้มีความมั่นใจในการดำเนินงานของรัฐบาลไทย
เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทยได้กล่าวขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่ให้เข้าพบในวันนี้ และกล่าวว่าประเทศไทยและสมาพันธรัฐสวิสมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน การลงทุนของสมาพันธรัฐสวิสในไทย รวมทั้งชุมชนชาวสวิสในไทยนั้นใหญ่เป็นอันดับสองในอาเซียน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่รัฐบาลสมาพันธรัฐสวิสมีให้กับประเทศไทย ในปัจจุบัน มีบริษัทสวิสในไทยมากกว่า 150 บริษัท ประกอบธุรกิจหลากหลายประเภท ซึ่งได้รับการดูแลจากรัฐบาลไทยเป็นอย่างดี จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้มีการหารือในประเด็น ความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยเฉพาะกับภาคเอกชนของสมาพันธรัฐสวิส การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องตลาดแรงงาน และการบริหารจัดการการเคลื่อนย้ายแรงงาน และผู้อพยพลี้ภัย ซึ่งเป็นปัญหาในระดับภูมิภาคที่ต้องการความร่วมมือระหว่างประเทศ และความช่วยเหลือจากองค์การระหว่างประเทศด้วย
ท้ายสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสมาพันธรัฐสวิสที่ได้มาพบและหารือในวันนี้ และหวังว่าจะมีความร่วมมือระหว่างกันเพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต
-----------------------------------------------------------------
ข้อมูล : สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ
สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th