นายกรัฐมนตรีให้โอวาทเยาวชนไทยในต่างแดนให้รักประเทศไทย พร้อมช่วยส่งเสริมอัตลักษณ์ไทยในต่างแดน

ข่าวทั่วไป Wednesday July 13, 2016 15:55 —สำนักโฆษก

วันนี้ เวลา 13.30 น. คณะเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกาและผู้ปกครอง จำนวน 148 คน จากโครงการเยาวชนไทยในเขตมิดเวสต์ และโครงการมรดกไทยคืนถิ่น เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับ เยาวชนไทยและผู้ปกครองและเห็นว่า เป็นโอกาสดีที่ได้มาเยี่ยมแผ่นดินแม่และบ้านเกิดเมืองนอนของบรรพบุรุษ ซึ่งคนไทยมีความยึดมั่นและเคารพในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประเทศไทยนั้นไม่เคยเป็นอาณานิคมของใคร ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยภูมิใจ ทั้งนี้ อยากให้คนรุ่นใหม่ช่วยกันสืบสานและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงตรัสว่า การจะทำสิ่งใดในอนาคต จะต้องไม่ลืมประวัติศาสตร์ หากเราไม่ทราบความเป็นมาของชาติ เราจะรักชาติได้อย่างไร

ทั้งนี้ คนไทยและเยาวชนไทยในต่างประเทศ ถือเป็นกำลังสำคัญส่วนหนึ่งของสังคมไทย โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่ชาวไทยทุกคนต้องช่วยกันคิดและปฏิรูปเพื่อวางรากฐานให้ประเทศไทยมีศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันทุกด้าน รวมถึง สร้างสังคมและประเทศชาติให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไปในระยะยาว

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสานความสัมพันธ์และความร่วมมือกับทุกประเทศ รวมทั้ง การปฏิบัติตามพันธสัญญาระหว่างประเทศ และกำลังนเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ พร้อมขอให้เยาวชนไทยมาร่วมกันพัฒนาชาติ โดยรัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์ 20 ปีเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประเทศไทยในอนาคต

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เยาวชนไทยและคนไทยในต่างประเทศทุกคนถือเป็นผู้แทนประเทศที่ช่วยสร้างความเข้าใจและแสดงออกให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยให้ชาวต่างประเทศรับทราบได้อย่างใกล้ชิด ดังนั้น ทุกคนในต่างประเทศจึงมีบทบาทสำคัญที่จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศไทย เป็นปากเป็นเสียงให้กับประเทศไทย สิ่งใดที่เขาได้ยินหรือได้ฟังมาไม่ชัดเจน ขอให้ช่วยกันแก้ไขชี้แจงให้ถูกต้อง พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นเช่นไร

ทั้งนี้ ประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์ทั้งในแง่ยุทธศาสตร์ภูมิภาค และในฐานะพันธมิตรอันยาวนานถึง 183 ปี ตั้งแต่ปี 2376 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แสดงให้เห็นว่าความร่วมมือได้มีการพัฒนามา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีในนามประเทศไทยได้เข้าร่วมประชุม Nuclear Security Summit ครั้งที่ 4 พร้อมทั้งมีโอกาส ได้ร่วมพบปะกับสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา - อาเซียน (US - ASEAN Business Council) หรือ USABC และสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา ณ กรุงวอชิงตัน โดยนักธุรกิจส่วนใหญ่ล้วนแสดงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยและต้องการเพิ่มมูลค่าการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น

ส่วนในด้านการศึกษาและวัฒนธรรม มีการจัดตั้งโครงการไทยศึกษา (Thai Studies) ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2550 เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเทศไทย โดยในปี 2553 ได้ให้การสนับสนุนมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกาทั้งหมด 8 แห่ง ปี 2554 จำนวน 6 แห่ง และปี 2555 จำนวน 7 แห่ง รวมถึงการส่งเสริมให้มีการจัดตั้งชมรมไทย (Thai Club) หรือสมาคมไทย (Thai Society) ในมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกา เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจด้านต่างๆ เกี่ยวกับประเทศไทย ในหมู่นักศึกษาสหรัฐฯ และมุ่งพัฒนาเครือข่ายความสัมพันธ์ในระดับประชาชนต่อประชาชน รวมถึงระหว่างเยาวชนทั้งสองประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 11 แห่ง

สำหรับเยาวชนไทยที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต แม้ว่าจะเกิดและเติบโตในสหรัฐฯ หรือในสังคมต่างประเทศ แต่ก็อยากให้ตระหนักถึงคุณค่าของวัฒนธรรมและความเป็นไทยที่บรรพบุรุษของเราสั่งสมมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งวัฒนธรรมไทยมีความงดงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยไม่จำกัดแค่เพียงเรื่องการแต่งกาย อาหาร หรืองานฝีมือด้านศิลปะเท่านั้น แต่คือวิถีอัตลักษณ์ไทยที่เราชาวไทยแสดงออกต่อผู้อื่นด้วยอัธยาศัยไมตรีที่อ่อนโยน มีน้ำใจและยิ้มแย้มแจ่มใส นายกรัฐมนตรีอยากให้ทุกคนมีความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์และความเป็นไทยในเชิงลึก และช่วยกันรักษาพัฒนาให้แข็งแกร่งเพื่อส่งต่อให้ชาวไทยรุ่นต่อๆ ไป

โดยการเดินทางมาเยือนประเทศไทยของเยาวชนและผู้ปกครองคนไทยทุกคน จะเป็นการสร้างความสุขในการเรียนรู้สังคมไทยได้อย่างใกล้ชิด ได้มารับทราบว่าปัจจุบันสังคมไทยเป็นเช่นไรบ้าง เพื่อที่จะได้ช่วยนำความรู้และประสบการณ์จากประเทศสหรัฐอเมริกามาแนะนำและแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันได้ เพราะว่าในอนาคตเยาวชนทุกคนคือทรัพยากรสำคัญของโลกไม่ใช่เพียงของประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น แต่คือ การเชื่อมความสัมพันธ์เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกัน สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม ซึ่งขอเพียงทุกคนอย่าละทิ้งจิตสำนึกต่อแผ่นดินแม่ และอย่าละความพยายามในการสร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับสังคม

ภายหลังจากนายกรัฐมนตรีให้โอวาท ตัวแทนเยาวชนได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและแสดงความประทับใจที่ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ พร้อมกล่าวว่า แม้จะเกิดที่สหรัฐอเมริกา แต่พวกเขาได้รับการอบรมสั่งสอนและเรียนรู้วัฒนธรรมไทยจากคุณพ่อคุณแม่ พระที่วัดไทยและคณะครูจากประเทศไทย และหวังว่าในอนาคตข้างหน้าจะได้มาช่วยพัฒนาและนำประโยชน์มาสู่เมืองไทยต่อไป

จากนั้น คณะเยาวชนได้ร้องเพลง“ฉันนี่หรือคือคนไทย” ให้นายกรัฐมนตรีฟัง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความซาบซึ้งและอวยพรให้ทุกคนมีความสุขกับการท่องเที่ยวตลอดช่วงเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทย และขอให้เดินทางกลับโดยปลอดภัย

ข้อมูลเพิ่มเติม

คณะเยาวชนไทยที่เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย

1) เยาวชนไทยในนครชิคาโก จากโครงการเยาวชนไทยในเขตมิดเวสต์ เยือนถิ่น ครั้งที่ 1 จัดโดยสถานกงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก และ

2) เยาวชนไทยในนครลอสแอนเจลิส จากโครงการมรดกไทยคืนถิ่น ครั้งที่ 6 จัดโดย สภาวัฒนธรรมไทยในสหรัฐอเมริกา แห่งเมืองเบิร์กเลย์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาและสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชนที่เกิดและเติบโตในสหรัฐอเมริกา มีโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมไทย เพื่อสร้างจิตสำนึกความเป็นไทยและมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ