นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัย พร้อมเยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบอุทกภัย

ข่าวทั่วไป Thursday January 26, 2017 16:06 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เยี่ยมเยียนประชาชน-มอบถุงยังชีพ ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญกับการดำรงชีวิตอยู่ของประชาชน ให้กำลังใจชาวใต้ขอให้เข้มแข็งอดทน ร่วมฟันฝ่าให้ผ่านพ้นเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ เผยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งให้ดูแลประชาชนที่ประสบอุทกภัยให้ดีที่สุด

วันนี้ (26 ม.ค.60) เวลา 10.00 น. ณ โรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ตำบลเขาหัวควาย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ฯลฯ ลงพื้นที่ตรวจราชการและตรวจเยี่ยมประชาชนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีนายอวยชัย อินทร์นาค ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น ข้าราชการและประชาชน จำนวน 2,000 คน มารอให้การต้อนรับ

โดยในช่วงเช้าเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงท่าอากาศยานทหารกองบิน 7 อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจภูมิประเทศพื้นที่ประสบอุทกภัยทางอากาศ อำเภอพุนพิน อำเภอบ้านนาเดิม และ อำเภอเคียนซา ก่อนเดินทางไปพบปะประชาชนที่จุดบริการประชาชน ณ โรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม มีน้ำท่วมพื้นที่เสี่ยงภัย จำนวน 18 อำเภอ 119 ตำบล 911 หมู่บ้าน 33 ชุมชน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนจำนวน 79,365 ครัวเรือน 232,061 คน พื้นที่วิกฤต มี 2 อำเภอ 8 ตำบล 18 หมู่บ้าน 1,725 ครัวเรือน 5,192 คน ได้แก่ อำเภอบ้านนาเดิม จำนวน 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน 40 ครัวเรือน 175 คน อำเภอพุนพิน จำนวน 6 ตำบล 14 หมู่บ้าน 1,685 ครัวเรือน 5,017 คน มีน้ำท่วมถนนแขวงทางหลวง สฎ.2026 สาย 41 บ้านแม่แขก สูงประมาณ 0.30 ม. นอกจากนี้ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 2 อำเภอ 19 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพุนพินและบ้านนาเดิม ซึ่งประชาชนได้รับผลกระทบรวม 1,725 ครัวเรือน 5,192 คน ปัจจุบันมีประชาชนอพยพ 7 จุด รวม 119 ครัวเรือน 366 คน ในส่วนของความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินประกอบด้วยผู้เสียชีวิต 5 ราย บ้านพักอาศัยเสียหายทั้งหลัง 59 หลัง เสียหายบางส่วน 665 หลัง ถนน 143 สาย สถานที่ราชการ 7 แห่งโรงเรียน 201 แห่ง สถานีอนามัย 28 แห่ง สะพาน 48 แห่งวัด/มัสยิด 23 แห่งและพื้นที่เกษตร 1,198,094 ไร่ ซึ่งทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้มอบหมายให้ส่วนราชการ อำเภอและหน่วยงานต่าง ๆร่วมกันบูรณาการการทำงานเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ทั้งการอพยพผู้ประสบภัยออกนอกพื้นที่ การจัดสถานที่พักพิงชั่วคราวเพื่อรอน้ำลด การแจกถุงยังชีพ อาหาร น้ำ และยารักษาโรค รวมทั้งการดูแลให้คำปรึกษาด้านจิตใจ รวมถึงด้านการประกอบอาชีพของประชาชน ประกอบด้วย ด้านการเกษตร พืชสวน การประมง ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับทางจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และในส่วนด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ อาทิ ถนน ไฟฟ้า สะพาน ฯลฯ มีหน่วยงานรับผิดชอบหลักเร่งรัดดำเนินการฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว สำหรับสถานที่ราชการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน พร้อมทั้งในเรื่องสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เกี่ยวกับน้ำท่วมขังจะมีการดำเนินการต่อไป

นอกจากนี้ทางจังหวัดได้เตรียมเสนอโครงการก่อสร้างแก้มลิง ตามแนวพระราชดำริ ในหลวง รัชกาลที่ 9 เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมขังบ้านเรือนประชาชนริมลุ่มแม่น้ำตาปี ซึ่งการระบายน้ำของสุราษฎร์ธานีนั้นมีเพียงช่องทางเดียวคือทางแม่น้ำตาปี นอกจากจะต้องรับน้ำในพื้นที่แล้ว แม่น้ำตาปี ยังต้องมีหน้าที่รับน้ำจากนครศรีธรรมราชและกระบี่ ทำให้มีปริมาณน้ำจำนวนมาก เมื่อไม่สามารถระบายได้ทัน ก็ทำให้เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎร ในพื้นที่ อำเภอพระแสง เคียนซา บ้านนาเดิม และพุนพิน ซึ่งอยู่ในที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำตาปี ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในแผนระยะยาวที่ทางจังหวัดกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ตรวจเยี่ยมการให้บริการช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาประชาชนของหน่วยงานราชการต่างๆ พร้อมมอบเงินกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย เยียวยาผู้เสียชีวิตรายละ 50,000 บาท จำนวน 15 ราย แก่ญาติผู้เสียชีวิต ในส่วนของส่วนจังหวัดใกล้เคียง นายกรัฐมนตรีได้มอบเงินเยียวยาผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดนำไปให้ผู้ประสบปัญหาอุทกภัยอีกด้วย

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวให้กำลังใจประชาชน โดยขอให้เข้มแข็งอดทนและร่วมฟันฝ่าให้ผ่านพ้นจากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ ซึ่งอยากให้คนไทยทั้งประเทศสู้แบบนี้บ้างที่ต้องอดทนกับปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน การลงพื้นที่ครั้งนี้มาด้วยใจ ด้วยความรักต่อคนภาคใต้ อีกทั้งจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งขาติ (ส่วนหน้า) ของกระทรวงมหาดไทย ที่รัฐบาลได้มากำกับดูแลนโยบายขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งจากการดูพื้นที่ทางอากาศเมื่อช่วงเช้านี้ ได้เห็นเรื่องระบบระบายน้ำและสันเขาด้านตะวันตกที่ขวางทางน้ำทั้งหมดจากด้านอันดามัน จึงขอให้ทุกคนช่วยกันเปิดทางน้ำให้ด้วย อย่าระบายทิ้งทั้งหมด เพราะในหน้าแล้งจะมีปัญหาอีก ทุกบ้าน ทุกครัวเรือน ทุกชุมชนควรให้ความสำคัญกับแหล่งน้ำตามธรรมชาติไว้ด้วย สิ่งเหล่านี้รัฐบาลต้องคิดทั้งหมด ไม่ใช่คิดแค่เฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ได้คิด 12 จังหวัด รัฐบาลได้เตรียมแผนงานเผชิญภัยพิบัติทั้ง 76 จังหวัด รวมกรุงเทพมหานคร 77 จังหวัด ที่มีคน 60 ล้านคน สำหรับจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดท่องเที่ยว รัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกฝ่าย ทุกส่วนราชการที่ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และขอให้มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ

ในส่วนเรื่องแผนของการใช้จ่ายงบประมาณ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลต้องรวบรวมงบประมาณทั้งหมดเพราะมาจากหลายกระทรวง ซึ่งศูนย์จะเป็นผู้รวบรวมทั้งหมด ส่วนหน้า ส่วนกลาง จนมาถึงรัฐบาล ทั้งในส่วนที่เป็นมาตรการพิเศษ ซึ่งงบเดิมอาจไม่มากนัก แต่ขณะนี้รัฐบาลกำลังวางแผนดำเนินการอยู่ ซึ่งรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมไว้แล้ว สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมากหรือมากเป็นพิเศษ ก็ต้องดูว่าอันไหนท่วมมาก ท่วมน้อย ท่วมจากธรรมชาติ หรือท่วมจากการบริหารจัดการน้ำ พร่องน้ำ ระบายน้ำของรัฐบาล ซึ่งมีความแตกต่างกัน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดำรงชีวิตอยู่ของประชาชน โดยต้องมีการปรับตัวกับสภาพภูมิอากาศที่มีการปรับเปลี่ยนจนส่งผลให้เกิดน้ำท่วม ฝนตกนานเกินไป ซึ่งเป็นเพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง จึงต้องมีการนำระบบเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ สำหรับใช้ประโยชน์ในการติดตามพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ นอกเหนือจากสภาพอากาศโลกเปลี่ยนแล้ว ยังต้องเผชิญปัญหาภัยก่อการร้าย ความขัดแย้ง รวมถึงเรื่องของโรคระบาดที่เกิดขึ้นใหม่ โรคดื้อยา ดังนั้น คนไทยต้องเรียนรู้โดยไม่ต้องเสียค่ายา ไม่ต้องไปหาหมอ

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีรับสั่งว่า ให้ดูแลประชาชนที่ประสบอุทกภัยให้ดีที่สุด และทรงให้รัฐบาลนำแนวทางโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เกี่ยวกับข้อมูลที่ทันสมัย ดูพื้นที่น้ำท่วมในพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัย อีกทั้งในด้านข้อมูลต่าง ๆ ต้องมีการสำรวจตรวจสอบเพื่อพัฒนาปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์ ต้องขยายผลอย่างต่อเนื่องตามแนวทางที่พระองค์ท่านพระราชทานไว้ และนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณประชาชนชาวภาคใต้ที่เดินทางเข้าร่วมแสดงความอาลัย รวมพลังแห่งความภักดี ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระบรมมหาราชวัง

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้นั่งรถยนต์ ไปยังมัสยิดอิกอมุสซอลาฮ์ (บ้านหนองจอก) เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ของชาวชุมชนที่กำลังประสบปัญหาอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ ก่อนเดินทางไปกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนหน้า) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อไป

ทั้งนี้ ภายในงานได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีกิจกรรมดนตรีโดยมีเหล่าดาราศิลปิน ประกอบด้วย ชมพู ฟรุ๊ตตี้ ติ๊ก ชิโร่ ศิลปินชาวใต้ วงแฮมเมอร์ มาปลอบขวัญสร้างกำลังใจให้ประชาชนชาวภาคใต้ฝ่าวิกฤติอุทกภัยครั้งนี้ไปด้วยกัน

--------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ