รัฐบาลพร้อมส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนที่จะเป็นกำลังสำคัญที่จะนำพาเศรษฐกิจประเทศไทยให้เข้มแข็ง

ข่าวทั่วไป Wednesday February 15, 2017 15:08 —สำนักโฆษก

วันนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2560) เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ครั้งที่ 1 /2560 โดยมีผลการประชุมสรุปสาระสำคัญดังนี้

ที่ประชุมฯ รับทราบสถานการณ์ดำเนินงานส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 โดยมีเจตนารมณ์ให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้ และพัฒนาระบบเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจแบบพอเพียงให้มีความเข้มแข็ง มีความพร้อมสำหรับการแข่งขันทางการค้าในอนาคต รวมไปถึง ส่งเสริมการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนไปสู่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ด้วยการส่งเสริมความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้เกิดรายได้ ช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันในชุมชน พัฒนาความสามารถในการบริหารจัดการ และพัฒนารูปแบบของวิสาหกิจภายในชุมชน ที่ผ่านมาคณะกรรมการส่งเสริมฯ ได้ดำเนินการในการจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ปี 2555-2559 โดยมีผลการดำเนินการคือ วิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการอนุมัติทะเบียน ณ วันที่ 1 มกราคม 2560 จำนวนกว่า 80,000 แห่ง โดยวิสาหกิจชุมชนร้อยละ 60 หรือประมาณ 50,000 แห่ง ที่ยังคงมีการดำเนินการอยู่ และอีก 30,000 แห่ง อยู่ระหว่างกระบวนการเพิกถอนและยกเลิกทะเบียนออกจากระบบ นอกจากนั้น ได้มีการจัดประเภทวิสาหกิจชุมชนโดยแบ่งเป็นการผลิตสินค้าทั้งหมด 18 ประเภท โดยมีวิสาหกิจประกอบกิจการผลิตพืชมีจำนวนมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ การผลิตปศุสัตว์ และการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร ตามลำดับ

อีกทั้ง ทางคณะกรรมการส่งเสริมฯ ได้ดำเนินการคัดสรรวิสาหกิจชุมชนดีเด่นเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ และเป็นต้นแบบการเรียนรู้ให้กับวิสาหกิจชุมชนอื่น ๆ พร้อมสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนในการจัดเวทีเรียนรู้เพื่อให้สามารถจัดทำแผนพัฒนากิจการขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ได้ โดยได้เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 จนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนโดยงบประมาณจากแหล่งอื่น ทั้งในส่วนของกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โครงการสนับสนุนเครือข่าย SMEs ใน 18 กลุ่มจังหวัด และจากคณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ อีกด้วย

นอกจากนั้น ที่ประชุมฯ รับทราบปัญหาและข้อจำกัดในการดำเนินการทั้งในเรื่องของวิสาหกิจชุมชน ที่มีทรัพย์สินมากขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาในการถือครองทรัพย์สินนั้น ที่มีความต้องการให้มีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และควรที่จะให้เป็นสิทธิ์ของนิติบุคคล ปัญหาการทำนิติกรรมและธุรกรรมต่าง ๆ โดยสมาชิกต้องค้ำประกันซึ่งกันและกันเอง เนื่องมาจากมาตรการส่งเสริมของรัฐบางมาตรา ซึ่งได้กำหนดให้นิติบุคคลเป็นผู้ขอใช้สิทธิ์ในการรับผลประโยชน์ตามมาตรานั้น ๆ ทั้งนี้ จากรายงาน สถานการณ์การดำเนินงานและปัญหาต่าง ๆ ที่ประชุมฯ ได้ รับทราบแล้ว และจะเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้นในระยะต่อไป

จากนั้น ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบ การเสนอจัดตั้งกองทุนเพื่อการส่งเสริมและพัฒนากิจการวิสาหกิจชุมชน เนื่องมาจากการพัฒนากิจการให้เติบโตและก้าวหน้าได้นั้น จำเป็นต้องมีงบประมาณหรือทุนสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นวิสาหกิจชุมชนพื้นฐาน เพื่อให้มีการพัฒนากิจการสามารถพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนพ.ศ. 2548 ไม่ได้กำหนดให้มีกองทุนสำหรับวิสาหกิจชุมชนเป็นการเฉพาะ แต่ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการประสานนโยบายกองทุนเพื่อพัฒนากิจการวิสาหกิจชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับกิจการวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้การสนับสนุนกิจการวิสาหกิจชุมชน ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด

ตอนท้าย รองนายกรัฐมนตรี ได้รับฟัง ความคิดเห็น และสอบถามความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สินค้าวิสาหกิจชุมชนและสินค้า OTOP จากกลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนในต่างจังหวัดที่เข้าร่วมประชุมด้วย ได้แก่ ผู้ประกอบกิจการเนื้อโคขุน จังหวัดสกลนคร , ผู้ประกอบกิจการน้ำตาลโตนดจังหวัดเพชรบุรี , ผู้ประกอบกิจการข้าวหอมมะลิ จังหวัดศรีสะเกษ โดยผู้ประกอบการทั้งหมด ได้เสนอแนวคิดว่าวิสาหกิจชุมชน เกิดจากประชาชนในชุมชนได้รวมตัวกันโดยมีวัตถุประสงค์ในการผลิตสินค้าผลิตภัณฑ์ของชุมชน โดยมุ่งเน้นถึงกระบวนการการผลิตสินค้าผลิตภัณฑ์โดยรวม จึงทำให้เกิดผลผลิตที่เรียกกันว่า ผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP และเมื่อกลุ่มผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP นั้น มีความเข้มแข็ง มีกำลังความสามารถในการแข่งขันได้ระดับการค้าขายเชิงพาณิชย์ ก็จะต่อยอดยกระดับเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs นั้นเอง ซึ่งหากกลุ่มผู้ประกอบการทั้ง 3 ส่วนนี้ มีพื้นฐานความรู้ที่รับการพัฒนาอย่างถูกต้อง รวมทั้งได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง จะเป็นกำลังสำคัญที่จะนำพารายได้มากมายเข้ามาสู่ประเทศ ช่วยยกระดับสินค้าไทยให้สามารถแข็งขันได้ในตลาดโลก เศรษฐกิจของประเทศไทยก็จะเจริญเติบโตได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป

------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ