วันนี้ (28 มีนาคม 2560) เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 ซึ่งสรุปสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้
ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาให้มีบทบาทร่วมกันในการพัฒนาเด็กปฐมวัยทั้งด้านสาธารณสุขและการศึกษาให้ได้มาตรฐานอย่างเท่าเทียมกันเพื่อเป็นการเพิ่มคุณภาพของเด็กปฐมวัยให้เติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลของประเทศในอนาคตที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ที่ประชุมได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปฐมวัยแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยสำนักงานเลขาธิการสภาศึกษาได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลการพัฒนากฎหมายการจัดการศึกษาปฐมวัยจำนวน 4 ครั้ง โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ครู และผู้บริหารสถานศึกษา โดยลงพื้นที่ไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนที่มีการจัดการเรียนการสอนระดับเตรียมอนุบาล และอนุบาลสังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสถานรับเลี้ยงเด็ก สังกัดกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งทั้ง 4 ครั้งที่ลงพื้นที่ดังกล่าว ได้ลงเก็บข้อมูลครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล พระนครศรีอยุธยา อุบลราชธานี และเชียงใหม่ ทั้งนี้ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวมีเป้าหมายให้บิดามารดาหรือผู้ปกครองมีความรับผิดชอบร่วมกันในการเลี้ยงดู และพัฒนาเด็ก พร้อมกำหนดให้รัฐดำเนินการให้เด็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา เพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม วินัย และสติปัญญา ให้สมกับวัย
นอกจากนี้ที่ประชุมได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการศึกษาและพัฒนาด้านระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลเด็กปฐมวัย โดยได้มีการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลทั้งในด้านทักษะ ด้านคุณภาพ ด้านสมรรถนะ และด้านความเสี่ยง ซึ่งเน้นเด็กเป็นศูนย์กลางโดยการใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชนที่เป็นมาตรฐานในการเชื่อมโยงต่อเนื่อง การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลแห่งเพื่อให้มีการใช้ข้อมูลอย่างเหมาะสมด้วย ขณะเดียวกันมีการรวมข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานข้อมูลกลาง (Data Center) ตลอดจนเห็นควรมีหน่วยงานหลักที่มีศักยภาพและมีระบบสารสนเทศที่ชัดเจนอยู่แล้วร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาข้อมูลเด็กปฐมวัยและข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องนำมารวบรวมเป็นคลังข้อมูลระดับประเทศ (National Information Center) เพื่อให้การพัฒนาเด็กไทยมีความพร้อมที่จะก้าวสู่อนาคตที่มีความเข้มแข็งต่อไป
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ด้านเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2560-2564 ประกอบด้วย 7 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การจัดการและการให้เด็กเข้าถึงบริการที่พัฒนาเด็กปฐมวัย (เด็กอายุแรกเกิดถึง 6 ปีก่อนเข้าเรียนประถมศึกษาปีที่ 1)
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาบทบาทการเป็นพ่อเป็นแม่ การอบรมเลี้ยงดู และบทบาทของครอบครัว
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาคุณภาพการให้บริการที่พัฒนาเด็กปฐมวัย
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การจัดระบบข้อมูล และตัวชี้วัด
ยุทธศาสตร์ที่ 5 การปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ ที่เกี่ยวกับเด็กปฐมวัย และการดำเนินการทางกฎหมาย
ยุทธศาสตร์ที่ 6 การวิจัย การพัฒนา และเผยแพร่องค์ความรู้
ยุทธศาสตร์ที่ 7 การบริหารจัดการ การติดตาม การประเมินผล และการสนับสนุนเครือข่ายการปฏิบัติงาน
อีกทั้ง ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบรายงานสถานภาพการพัฒนาเด็กปฐมวัยของประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์ศึกษาข้อมูลสาระที่เกี่ยวข้อง และที่มีความจำเป็นในการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการพิจารณาเด็กปฐมวัย ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 บทนำ ส่วนที่ 2 กฎหมาย นโยบาย และแผนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย และส่วนที่ 3 เป็นการดำเนินงานพัฒนาเด็กปฐมวัยของประเทศไทย ซึ่งมีประเด็นที่สามารถนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการวิจัย พัฒนาองค์ความรู้ และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยด้วย
ตอนท้ายของการประชุม ได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบความก้าวหน้าของการดำเนินงานพัฒนาเด็กปฐมวัยของประเทศไทย เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ดำเนินการด้านพัฒนาเด็กปฐมวัยต่อเนื่องถึงการพัฒนาคนทุกช่วงวัย โดยส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตผลักดันให้เกิดสังคมสวัสดิการ โดยมีโครงการสำคัญหลายโครงการ เช่น โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดรายละ 600 บาทต่อคน ต่อเดือนเป็นเวลา 12 เดือน โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กปฐมวัยในชุมชนด้อยโอกาส ทั้งในชุมชนแออัด ที่พักผู้ใช้แรงงานก่อสร้างและศาสนสถาน โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กปฐมวัยในสถานรับเลี้ยงเด็กในภาคเอกชน พร้อมจัดกิจกรรมยกย่องสถานรับเลี้ยงเด็กที่ได้มาตรฐาน ตลอดจนมีคณะอนุกรรมการรับผิดชอบงานด้านส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยนำร่องในกรุงเทพมหานคร แม่ฮ่องสอน อำนาจเจริญ จันทบุรี สุราษฎร์ธานี และยะลา พร้อมติดตามผลในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขได้กำกับดูแลการส่งเสริมสุขภาพประชากรทุกช่วงวัยอย่างสมดุลและรอบด้าน พร้อมมีคู่มือการเฝ้าระวังและส่งเสริมการพัฒนาเด็กช่วงปฐมวัยตลอดจนให้ความรู้ด้านโภชนาการด้วยการควบคุมและป้องกันโรคขาดสารไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ พร้อมบูรณาการจัดทำแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยร่วมกันทุกภาคส่วนอย่างเป็นรูปธรรม เช่น โครงการครอบครัวต้นแบบ “พัฒนาการดีเริ่มที่นมแม่” และโครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชน ตลอดจนโครงการพัฒนาและวิจัยเด็กช่วงปฐมวัยในครอบครัวไทยอีกด้วย
*****************************************
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th