วันนี้ (29 พ.ค. 60) เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 4 คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านสาธารณสุข ครั้งที่ 2/2560 ซึ่งสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ที่ประชุมได้รับทราบการจัดตั้งสำนักงานมาตรฐานและการจัดการสารสนเทศระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (National Clearing House) ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามนโยบายการบูรณาการและเพิ่มประสิทธิภาพระบบประกันสุขภาพของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่หน่วยงานกลางจัดการธุรกรรมการเบิกจ่ายและระบบข้อมูลบริการสาธารณสุขตามนโยบายการบูรณาการและเพิ่มประสิทธิภาพระบบประกันสุขภาพตามนโยบายการบูรณาการและเพิ่มประสิทธิภาพระบบประกันสุขภาพของรัฐบาลเพื่อบริการการเรียกเก็บค่าบริการสาธารณสุข (claim Center) ของสถานพยาบาลต่าง ๆ ที่ให้บริการผู้มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและบุคคลในครอบครัวและผู้ประกันตนตลอดจนข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ที่สมัครใจ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 มาตรา 26 (14) พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงาน โดยคณะกรรมการประกันสังคมให้ความร่วมมือซึ่งมอบหมายให้ สปสช. ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางจัดการธุรกรรมการเบิกจ่ายและระบบข้อมูลด้านบริการสาธารณสุขของสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการให้กรมบัญชีกลาง ตลอดจนสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลของผู้ประกันตนให้กับสำนักงานประกันสังคม อีกทั้ง เห็นชอบให้มีคณะทำงานฯ ประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานและให้หัวหน้าหรือผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นคณะทำงานเพื่อมีบทบาทและหน้าที่ในการปลัดกันการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบการพัฒนาและขยายผล “คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและระบบสุขภาพอำเภอ” ซึ่งสอดคล้องกับการขับเคลื่อนตามแนวทางประชารัฐ ซึ่งระบบสุขภาพอำเภอเป็นจุดยุทธศาสตร์และกลไกสำคัญที่สามารถนำแนวทางดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องด้วยเป็นประเด็นที่สามารถเชื่อมโยงทุกภาคส่วนให้สามารถแสดงบทบาทและทำงานร่วมกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกันในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่พร้อมส่งเสริมให้ประชาชนมีการจัดการปัจจัยคุกคาม และดูแลสุขภาพของตนเองอย่างจริงจังควบคู่ไปกับการพัฒนารากฐานชุมชนให้เข้มแข็งด้วยการสนับสนุนทิศทางการปฏิรูปและขับเคลื่อนในลักษณะ “พื้นที่เป็นฐานประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ซึ่งสอดคล้องกับ “ประชารัฐภาคสังคม” ด้วยการดำเนินงานในรูปแบบของ “คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและระบบสุขภาพอำเภอ (District Health Board)" ในพื้นที่นำร่อง (Pilot Implementation) จำนวน 15 พื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศตามแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564) ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการปรับโครงสร้างประเทศไปสู่ประเทศไทย 4.0” เป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยภายในปี 2562 จะสามารถขยายพื้นที่ครอบคลุมทุกอำเภอทั่วประเทศ จำนวน 878 อำเภอ
...............................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th