นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามความคืบหน้า การดำเนินการจัดสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ข่าวทั่วไป Friday July 14, 2017 15:36 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามความคืบหน้า การดำเนินการจัดสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

วันนี้ (13 กรกฎาคม 2560) เวลา 16.30 น. ณ บริเวณจัดสร้างพระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วย พลเอก ธนะศักด์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ ในงานพิธีพระราชพิธีถวายพระเพลิงศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบ และชมความคืบหน้างานประติมากรรม จิตรกรรมประดับพระเมรุมาศ อาทิ องค์มหาเทพ สัตว์หิมพานต์ โดยมี นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้า พลเอก ธนะศักด์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศฯ กล่าวรายงานความคืบหน้าว่า ขณะนี้ทุกส่วนงานทั้งการก่อสร้างอาคาร การผลิตงานศิลปกรรมประดับพระเมรุมาศ ตลอดจนงานประณีตศิลป์ในพระราชพิธี และงานบูรณสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศเป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ โดยช่างและจิตอาสาทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติงานอย่างสุดฝีมือ โดยเฉพาะการก่อสร้างพระเมรุมาศ มีความก้าวหน้าไปมากกว่าร้อยละ 60 ซึ่งการก่อสร้างและงานทุกอย่างจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความขอบคุณทุกคนทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน จิตอาสา และผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่ช่วยกันทำงานนี้ และกล่าวชื่นชมที่ช่วยกันทำงานอย่างบูรณการทุกภาคส่วนเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องภาคภูมิใจในความเป็นไทย โดยส่วนตัวไม่มีความกังวลใด ๆ เพราะเชื่อว่าทุกอย่างจะแล้วเสร็จตามกำหนด และให้ทุกคนภาคภูมิใจที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่สำคัญครั้งนี้ พร้อมกับกล่าวเน้นย้ำว่า งานพระราชพิธีนี้ ถือเป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทย ที่จะเผยแพร่ไปต่างประเทศ เชื่อว่าหลายคนต่างเฝ้ารอและต้องการเข้าร่วมงานพระราชพิธี เพราะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่ได้ทรงสำคัญเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่สำคัญกับคนทั้งโลก ซึ่งพระองค์ทรงได้ปฎิบัติภารกิจเพื่อมนุษยชาติมากมาย โดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และศาสตร์แห่งการพัฒนาต่าง ๆ ซึ่งทำให้ไทยเป็นไทยจนถึงวันนี้ ดังนั้นสถาบันพระมหากษัติรย์ จึงมีความสำคัญที่สุด และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีมาอย่างยาวนาน เพื่อเป็นสู่สิ่งใหม่ ๆทั้งหมด เพราะไทยต้องอยู่บนพื้นฐานประวัติศาสตร์ของเราที่ต้องเรียนรู้ไว้ พร้อมกล่าวแสดงความเป็นห่วงแผนเผชิญเหตุ ซึ่งจะต้องเตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน ไม่ว่าจะเรื่องระบบไฟฟ้า และการป้องกันฝน เพื่อให้งานผ่านไปด้วยความราบรื่น โดยเชื่อว่าพระบุญญาบารมี จะทำให้งานทุกอย่างผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ขอให้ทุกคนภาคภูมิใจที่ได้อยู่บนแผ่นใต้ร่มพระบารมี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานศาสตร์การพัฒนาไว้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะอยู่ในใจคนไทยตลอดไป และเป็นที่น่ายินดี ที่คนไทยมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่มีพระราชดำริ ให้ยึดถือศาสตร์การพัฒนา เป็นแนวทางในการปฎิบัติงานสืบไปเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากที่สุด เพราะไม่มีสิ่งไหนที่ยิ่งใหญ่เท่ากับสิ่งที่พระองค์ท่านทรงพระราชทานไว้ให้กับแผ่นดินนี้ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะสืบทอดพระราชปณิธานต่อไป และในส่วนของรัฐบาลก็จะน้อมนำมาปฎิบัติด้วย

ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกคนจดจำเหตุการณ์ช่วงงานพระราชพิธีทั้งหมดไว้ เพราะถือเป็นหนึ่งเดียวในโลกที่เป็นการบ่งบอกถึงความเป็นไทย ที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลัก และขอให้ร่วมกันรักษาสิ่งที่ดีไว้ ไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี และช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศไปให้มีความก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เยี่ยมชมติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบ และชมความคืบหน้างานประติมากรรม จิตรกรรมประดับพระเมรุมาศ อาทิ องค์มหาเทพ สัตว์หิมพานต์ โดยนายกรัฐมนตรีได้ร่วมระบายสีจิตรกรรมประดับพระเมรุมาศด้วย

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ