วันนี้ (11 สิงหาคม 2560) เวลา 9.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560
ที่ประชุมรับทราบการรายงานผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ตามแนวทางกรอบยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศไทย ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2555-2559) ภายใต้พระราชบัญญัติคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2551 ที่จัดทำขึ้น ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสรุปผลการดำเนินงานภายใต้พระราชบัญญัติคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ การดำเนินงานคณะกรรมการเฉพาะเรื่องทั้ง 3 ชุด ร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายด้านจัดการอาหารของประเทศไทยตามกรอบยุทธศาสตร์อย่างบูรณาการ เพื่อบรรลุเป้าหมาย พร้อมนำกรอบยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศไทยไปปฏิบัติ อันจะเป็นกลไกสำคัญในกานขับเคลื่อนการจัดการด้านอาหารของประเทศไทยให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ (ร่าง) กรอบยุทธศาสตร์การจัดการอาหารของประเทศไทย ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560-2579) ตามวิสัยทัศน์ "ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการ เป็นแหล่งอาหารที่มีคุณภาพปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อชาวไทยและชาวโลกอย่างยั่งยืน" เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่ เสริมสร้างองค์ความรู้ตลอดห่วงโซ่อาหาร และก่อให้เกิดความมั่นคงด้านอาหารในทุกระดับทั้งในภาวะปกติและวิกฤติ ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์หลัก ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านความมั่นคงอาหาร ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านอาหารศึกษา และ ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการบริหารจัดการ
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบการขับเคลื่อนร่างยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศไทย ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560-2579) ในระยะถัดไป ตามวิสัยทัศน์ "ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการ เป็นแหล่งอาหารที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อชาวไทยและชาวโลกอย่างยั่งยืน" ตามวัตถุประสงค์ (1) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการฐานทรัพยากรในการผลิตอาหารของประเทศ ให้เกิดประโยชน์ทางด้านความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการ ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การค้า และธำรงสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (2) เพื่อให้อาหารที่ผลิตทุกระดับตั้งแต่ระดับครัวเรือน ชุมชน ท้องถิ่น และอุตสาหกรรมมีความพอเพียง มีมูลค่าเพิ่ม มีคุณภาพ ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อสุขภาพของผู้บริโภคและความเข้มแข็งทางการค้ายุคใหม่ (3) เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ตลอดห่วงโซ่อาหาร โดยกระบวนการศึกษาวิจัย และเผยแพร่เพื่อใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ (4) เพื่อเป็นกลไกในการรวมพลังของภาคีเครือข่ายและยุทธศาสตร์ด้านอาหารที่หลากหลาย ให้เชื่อมโยงและขับเคลื่อนการบริหารจัดการด้านอาหารอย่างมีเอกภาพ และ (5) เพื่อก่อให้เกิดความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการในระดับครัวเรือน ชุมชนและระดับชาติ ทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ
*****************************************
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th