นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภาคกลาง ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่นจังหวัดภาคกลาง และผู้แทนเกษตรกร

ข่าวทั่วไป Monday September 18, 2017 13:53 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภาคกลาง ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่นจังหวัดภาคกลาง และผู้แทนเกษตรกร

วันนี้ (18 ก.ย. 2560) เวลา 17.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภาคกลาง ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่นจังหวัดภาคกลาง และผู้แทนเกษตรกร ณ โรงแรมคลาสสิค คามิโอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สรุปสาระสำคัญดังต่อไปนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวในนามของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้พบปะกับผู้ว่าราชการจังหวัดภาคกลาง ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่นจังหวัดภาคกลาง และผู้แทนเกษตรกร ในวันนี้ การมาหารือกับทุกฝ่ายในวันนี้เพื่อต้องการรับทราบปัญหาและความต้องการของประชาชนภาคกลาง ซึ่งรัฐบาลจะนำข้อเสนอต่างๆไปพิจารณาต่อไป ในโอกาสนี้ ผู้แทนจากกลุ่มต่างๆ ได้รายงานข้อเสนอดังนี้ ด้านการพัฒนาด้านการคมนาคมขนส่ง นายสมภพ ธีระสานต์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคกลาง ได้รายงานข้อเสนอต่างๆ อาทิ ขอให้มีการปรับปรุงท่าเทียบเรือแม่น้ำเจ้าพระยา 17 แห่ง การก่อสร้างเส้นทางมอเตอร์เวย์สายใหม่ บางปะอิน-นครสวรรค์ การต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์) เชื่อมต่อถนนสายเอเซีย และกำหนดรูปแบบการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงของการรถไฟแห่งประเทศไทย และสถานีขนส่งทางบก ของกรมการขนส่งทางบกในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้มีภูมิสถาปัตย์ที่มีความสอดคล้องและเหมาะสมกับความเป็นเมืองมรดกโลก เป็นต้น

ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ นายทรงพล พูลสวัสดิ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดอ่างทอง กล่าวรายงานข้อเสนอและข้อสังเกต อาทิ ขอให้มีการสร้างประตูระบายน้ำกว้าง 20 แห่ง ในพื้นที่แม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำท่าจีน ขอให้จัดทำเขื่อนป้องกันตลิ่งเพื่อบรรเทาผลกระทบจากน้ำท่วมที่เกิดจากน้ำที่ระบายจากเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณชุมชนริมคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง และขอให้มีการก่อสร้างระบบท่อผันน้ำจากเขื่อนแก่งกระจาน ลงอ่างเก็บน้ำทุ่งขาม ระยะทางประมาณ 36 กิโลเมตร เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่า การบริหารจัดการน้ำต้องทำให้เกิดความยั่งยืน จึงขอให้กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณา ศึกษาและร่วมกันทำความเข้าใจกับประชาชน

ด้านการเกษตร นายพรหม บุญมาช่วย ประธานสภาเกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวรายงานข้อเสนอ อาทิ ขอให้กรมวิชาการเกษตรและสถาบันการศึกษาพัฒนาสายพันธุ์มะพร้าวทานอ่อน และมะพร้าวผลิตกะทิ ซึ่งประเทศไทยขาดแคลน ให้มีปริมาณเพียงพอ ขอให้ควบคุมการนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศ ไม่ให้มีการลักลอบนำเข้านอกเวลา ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดให้มีเครื่องหมายรับรองสินค้าเกษตรปลอดภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และขอรับการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์แปรรูปอาหารทะเลครบวงจร และจำหน่ายอาหารทะเล จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยเช่า

ด้านการท่องเที่ยว นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เสนอให้เพิ่มจังหวัดชัยนาทในเขตพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลางตามยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ.2558-2560 ขอให้เพิ่มจังหวัดสระบุรี ในเป้าหมายการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทางศาสนา คือ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร และขอให้พิจารณาเพิ่มการท่องเที่ยวทางน้ำ ท่องเที่ยววิถีชุมชนในลักษณะลุ่มแม่น้ำ และขอให้พิจารณาวางระบบการขนส่งมวลชนเชื่อมต่อจากสถานีหลักไม่ว่าจะเป็นรถ เรือ ราง อากาศ ไปยังแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน

หลังจากได้รับฟังข้อเสนอจากฝ่ายต่างๆ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าทุกโครงการมีประโยชน์ทั้งสิ้น แต่จะทำให้เกิดเป็นรูปธรรมได้อย่างไร จึงขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณา ปรับแผนตามลำดับความสำคัญ สำหรับโครงการที่ได้รับการคัดค้านจากประชาชนก็ขอให้ภาคเอกชนและจังหวัดร่วมกันทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะการที่จะดำเนินการเรื่องใดๆ ต้องเน้นถึงประโยชน์ต่อประชาชนเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีเห็นว่า การส่งเสริมท่องเที่ยวอย่างเชื่อมโยงเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล แต่ละจังหวัดต้องไปหาศักยภาพของแต่ละจังหวัดให้พบจึงจะสามารถพัฒนาได้ต่อไปเพื่อเชื่อมต่อจากจังหวัดไปจังหวัด ภาคต่อภาค ประเทศต่อประเทศ และเชื่อมโยงการท่องเที่ยวไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านต่อไปตามนโยบาย "ประเทศไทยบวกหนึ่ง"

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ