วันนี้ (18 ธันวาคม 2560) เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2560 ซึ่งมีสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้
ที่ประชุมรับทราบผลการสัมมนา “เทคโนโลยีอวกาศสู่งานวิจัยไทย 4.0” เมื่อ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีวัตถุประสงค์ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้สังคมรับรู้การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศในมิติของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน พร้อมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนาดาวเทียมเพื่อการวิจัยสู่การตอบโจทย์ที่แท้จริงของผู้ใช้งาน ตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมกับภาคสังคมและบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ การสัมมนาดังกล่าวเป็นการการระดมความคิดเห็นจากนักวิจัยและผู้ต้องการใช้เทคโนโลยีอวกาศงานวิจัยที่สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ โดยการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญของประเทศต่าง ๆ อาทิ ไต้หวัน สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ซึ่งนำเสนอแนวทางการพัฒนางานวิจัยของแต่ละประเทศ พร้อมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศที่ผ่านมา การวิเคราะห์แนวโน้มทิศทางของเทคโนโลยีดาวเทียมและวิศวกรรมอวกาศเพื่อตอบสนองงานวิจัยต่าง ๆ และการสร้างความร่วมมือในการทำงานวิจัยร่วมกันระหว่างประเทศกับผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีอวกาศต่างประเทศเพื่อการเรียนรู้แบบก้าวกระโดด
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ แนวทางการบริหารเอกสารข่ายงานดาวเทียมและสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ตามมาตรา 60 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 “รัฐต้องรักษาไว้ซึ่งคลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน...” โดยสาระสำคัญของร่างแนวทางการบริหารเอกสารข่ายงานดาวเทียมและการให้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมของประเทศ ได้แก่ คลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม และ การรักษาสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม รวมทั้งแนวทางการรักษาสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม และการดำเนินการตามนโยบาย
ทั้งนี้ คลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม หมายถึง ข่ายงานดาวเทียมที่ประเทศไทยมีสิทธิใช้งานโดยสมบูรณ์ และได้รับการยอมรับระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นสิทธิตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับวิทยุมาตรา 8 สิทธิและหน้าที่ของประเทศสมาชิกในส่วนของการจัดสรรคลื่นความถี่ (frequency assignment) เกิดขึ้นเมื่อมีการบันทึกข้อมูลการจัดสรรดังกล่าวใน MIFR หรือจากการปฏิบัติตามข้อกาหนดของแผนการแบ่งสรรคลื่นความถี่ระดับโลก ทั้งนี้ การจัดสรรคลื่นความถี่ตามนัยนี้ หมายความถึง การใช้คลื่นความถี่ของดาวเทียมทั้งที่ใช้วงโคจรประจำที่ หรือไม่ประจำที่ และการใช้คลื่นความถี่ของสถานีภาคพื้นดิน (Earth Station) ที่ใช้งานร่วมกับดาวเทียมดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบข้อเสนอนโยบายการอนุญาตให้เข้าใช้ช่องสัญญาณของดาวเทียมต่างประเทศในประเทศไทย โดยมีเงื่อนไขการให้บริการข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ 1) เป็นการใช้ในภารกิจของพระราชวงศ์ บุคคลสาคัญ ภัยพิบัติแห่งชาติ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความมั่นคงของประเทศ สาธารณสุข อุตุนิยมวิทยา และการศึกษา 2) เป็นการให้บริการในระยะสั้น และมีการกาหนดเวลาที่แน่นอนที่เป็นบริการเฉพาะซึ่งจัดการถ่ายทอดกิจกรรมสาคัญทั่วโลกทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ หรือมีความจาเป็นต้องให้บริการแบบเหมารวมกับการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติ 3) เป็นการให้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสาธารณะและสังคมที่สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาระบบเศรษฐกิจดิจิทัล 4) เป็นการส่งเสริมสนับสนุนการให้บริการรับ-ส่งสัญญาณของผู้รับใบอนุญาต จากหน่วยงานกำกับดูแล โดยใช้สถานีดาวเทียมภาคพื้นดินภายในประเทศ (Satellite Gateway) หรือสถานีรับ ส่งสัญญาณที่อยู่ในอาณาเขตประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ (Hard Infrastructure) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้ประโยชน์ของทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ที่ประชุมจะได้มีการพิจารณาเรื่องหลักเกณฑ์การอนุญาตเพื่อขอใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติ อีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไป
...........................................................................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th