นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดการสัมมนานักบริหารระดับสูงเพื่อการบูรณาการการพัฒนาประเทศไทย 4.0

ข่าวทั่วไป Monday January 22, 2018 14:40 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดการสัมมนานักบริหารระดับสูงเพื่อการบูรณาการการพัฒนาประเทศไทย 4.0 ประกาศปี 2561 จะต้องเป็นปีแห่งการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดิน ย้ำข้าราชการต้องพัฒนาตนเองให้ทันกับสถานการณ์ รองรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ
วันนี้ (22ม.ค.61) เวลา 09.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนานักบริหารระดับสูงเพื่อการบูรณาการการพัฒนาประเทศไทย 4.0 และการปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ผู้บริหารส่วนราชการกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ : One Country One Team" จัดโดยสำนักงาน ก.พ. เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริหารภาคราชการในการทำงานอย่างบูรณาการร่วมกันในการขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 โดยคำนึงถึงประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และเน้นย้ำถึงแนวทางการดำเนินงานเพื่อไปสู่เป้าหมายการพัฒนาประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และน้อมนำศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เพื่อเป็นหลักในการบริหารราชการ รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการพัฒนาผู้นำภาครัฐอย่างยั่งยืน โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ (ปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือเทียบเท่า) รองหัวหน้าส่วนราชการ (รองปลัดกระทรวง รองอธิบดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดหรือเทียบเท่า) และผู้ตรวจราชการ เข้าร่วมสัมมนา ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ในห้วงเวลานี้เป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่การที่จะมีประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน โดยขอให้คนไทยทุกคนเป็น “ไทยนิยม” ที่นิยมทำแต่สิ่งที่ดีงามและความถูกต้อง มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นคนดีและเป็นคนเก่ง ส่วนคำว่า “ไทยนิยมประชาธิปไตย” คือต้องนิยมประชาธิปไตยโดยไม่ทิ้งหลักการของประชาธิปไตยสากล ซึ่งระยะเวลาต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญของทุกคนในการบริหารราชการที่จะทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะการทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักของการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงอย่างยั่งยืน จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมให้กับผู้บริหารภาครัฐให้มีกรอบความคิด มีความเข้าใจในการทำงานในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิรูปประเทศร่วมกัน เพื่อการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป. โดยการน้อมนำศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เป็นหลักในการบริหารราชการให้เกิดผลลัพธ์ต่อการพัฒนาประเทศ และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ทุกกระทรวงดำเนินการจัดแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 โดยน้อมนำศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาเป็นหลักในการปฏิบัติและบริหารราชการ และเปิดโอกาสให้ประชาชนและทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมผ่านกลไกประชารัฐ รวมทั้งให้ทุกกระทรวงมีการบูรณาการการทำงานและงบประมาณร่วมกันสำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยการใช้จ่ายงบประมาณต้องเป็นไปอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด และยึดความพึงพอใจของประชาชนเป็นสำคัญ

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกระแสของโลกว่ามีความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นยุคแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงต้องเตรียมความพร้อมคนของประเทศในทุกด้าน ทั้งการดูแลให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี การพัฒนาและเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคง เพื่อป้องกันและเพื่อรับมือให้ทันสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งต้องมีการติดตามข่าวสารต่าง ๆ จากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจเห็นความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินการต่าง ๆ ของภาครัฐ ตลอดจนป้องกันการถูกชักจูงหรือชี้นำไปในทางที่ไม่ถูกต้อง

ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกดังกล่าว นายกรัฐมนตรี จึงได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์ของประเทศไว้ว่า “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” โดยเป็นการกำหนดอนาคตของประเทศในการที่จะทำประเทศไทยมีความมั่นคง อันจะนำไปสู่การทำให้ประชาชนมีความมั่งคั่ง ส่งผลให้ประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน โดยกำหนดแนวทางการดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อมย้ำให้ข้าราชการทุกระดับสร้างกระบวนการ วิสัยทัศน์ และแนวคิดใหม่ รวมถึงดำเนินการให้สอดคล้องและตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนผ่านกลไกลประชารัฐ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายตามที่กำหนดไว้

อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงคือ การพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อมของทุนทรัพยากรมนุษย์ ให้คนไทยทุกคนมีความพร้อมและการก้าวสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างยั่งยืน คนไทยทุกคนจึงเป็นกลไกสำคัญในการนำพาประเทศให้เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศว่า ปี พ.ศ. 2561 จะต้องเป็นปีแห่งการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดิน การพัฒนาบุคลากรเพื่อรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และมียุทธศาสตร์ชาติเป็นเข็มทิศในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ ขณะเดียวกันข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด และร่วมกันขจัดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันผ่านความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก

รวมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ผู้นำองค์กรภาครัฐทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องให้ทันกับสถานการณ์และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งมีการกำหนดเป้าหมายและผลลัพธ์ของการดำเนินการในส่วนของแผนงานโครงการต่าง ๆ ให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมตามเป้าหมายที่วางไว้ขณะเดียวกันต้องหาแนวทางในการปฏิรูปภายในองค์กรเพื่อให้บุคลากรในองค์กรร่วมมือร่วมใจกันในการใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ด้วยวิธีการอย่างสร้างสรรค์และสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ในการทำงานของหน่วยงานตนเอง อันจะส่งผลต่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนโดยรวม

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลงานขอองสำนักงาน ก.พ. ในด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลภาครัฐ เช่น The Leader’s Story หลักสูตรการสร้างผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง (ป.ย.ป.2/1) แนวทางการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ เพื่อปรับเปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิทัล การพัฒนาและบริหารจัดการการเรียนรู้ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (OCSC Learning Space) การจัดการองค์ความรู้สำหรับข้าราชการผ่านสื่อออนไลน์ และการรักษากำลังคนคุณภาพ เป็นต้น

--------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ