รอง นรม. พล.อ. ฉัตรชัยฯ ติดตามการปฏิบัติราชการของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน

ข่าวทั่วไป Wednesday March 14, 2018 16:26 —สำนักโฆษก

รองนายกรัฐมนตรีประชุมติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 7 (จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ระนอง)

วันนี้ (14 มีนาคม 2561) เวลา 10.30 น. พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปจังหวัดพังงาเพื่อประชุมติดตามการปฎิบัติราชการของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ระนอง) ณ ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา ศาลากลางจังหวัดพังงา โดยมี นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ผู้ว่าราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 7 หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ และเข้าร่วมประชุมฯ

รองนายกรัฐมนตรีรับฟังการบรรยายสรุปจากผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัด ที่ได้รายงาน พร้อมนำเสนอขั้นตอนผลการดำเนินงานในประเด็นสำคัญของแต่ละจังหวัด ได้แก่ 1. การดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการของจังหวัด 2. การดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล อาทิ ความเหลื่อมล้ำของสังคมและการสร้างโอกาสเข้าถึงบริการของรัฐ การขับเคลื่อนการพัฒนาตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนของจังหวัด 3.การพัฒนาการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและสะอาด 4. ผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี 5. ปัญหาสำคัญและแนวทางการแก้ไขปัญหาของจังหวัด 6. โครงการที่จังหวัดเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบประมาณจากงบกลางในอำนาจของรองนายกรัฐมนตรี

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการแก่ผู้ว่าราชการทั้ง 5 จัหวัดและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องว่า การตรวจราชการในวันนี้ เป็นการมาเพื่อตรวจเยี่ยมจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันเป็นครั้งแรก และที่กำหนดให้เป็นจังหวัดพังงา เพราะเห็นว่าเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญ รวมทั้งเพื่อมารับทราบผลการขับเคลื่อนการพัฒนาตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดในภาพรวม ฯ ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของจังหวัดที่ดำเนินการไปแล้ว และมีแผนในการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการอย่างไร รวมทั้งข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ต้องได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนผลักดัน เพื่อให้มีการพัฒนาที่มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาภาคใต้ฝั่งอันดามัน ต่อการพัฒนาด้านการเกษตร อาทิ การส่งเสริมให้เษตรกรปลูกพืชผสมผสาน ปลูกพืชที่มีการควบคุมคุณภาพ การหาช่องทางการตลาดเพื่อยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้สูงขึ้นในระยะยาว การทำประมงอย่างยั่งยืนโดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาด้านการบริหารจัดการน้ำ การดูแลผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนการดูแลสุขภาพอนามัย การลดความเลื่อมล้ำของสังคม การสร้างโอกาสเข้าถึงบริการของรัฐ รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล และการขับเคลื่อนการพัฒนาตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า จากการรายงานของผู้ว่าราชการทั้ง 5 จังหวัด ทำให้ได้รับทราบประเด็นปัญหาของแต่ละพื้นที่ และวิธีการจัดการที่แตกต่างกันว่า แต่ละจังหวัดมีแผนงาน/โครงการที่สำคัญ มีแผนแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่มีผลกระทบกับประชาชน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง หรือผลกระทบในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของประชาชน หากปล่อยปละละเลยอาจเกิดผลเสียหาย และทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้ฝากข้อเสนอแนะให้จังหวัดทั้ง 5 มีการดำเนินงานในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้ 1. โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในช่วงนี้ว่า ขอให้ทุกภาคส่วนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการบูรณาการในการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในทุกด้าน และค้นหาความต้องการที่แท้จริงของประชาชน เพื่อจัดทำโครงการฯ ตามกรอบการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ ซึ่งทุกจังหวัดจะต้องขับเคลื่อนโครงการไทยนิยมฯ ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม มีความโปร่งใส 2. จังหวัดต้องให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน หรือสร้างความร่วมมือในการทำงานของทุกภาคส่วน พร้อมแนวทางพัฒนาตามห่วงโซ่คุณค่าให้ครอบคลุม เพิ่มศักยภาพการผลิตให้เกษตรกร การลดต้นทุนการผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมัน การพัฒนาด้านการประมง การเพาะเลี้ยงชายฝั่งให้ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่า การพัฒนาเกษตรผสมผสาน การแปลรูปอาหารฮาลาล การพัฒนาโครงข่ายน้ำ และการบริการด้านจัดการท่องเที่ยวเพื่อลดปัญหาความแออัดและความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยว ที่เน้นให้ชุมชนรักษาความสะอาดและความปลอดภัย 3. การพัฒนาจังหวัด ต้องสอดคล้องกับการพัฒนาภาค มีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนโยบายของรัฐบาล 4. ให้จังหวัดเร่งจัดทำแผนงาน/โครงการเร่งด่วน ที่ขอรับการสนับสนุนประมาณในกรอบวงเงินที่ รอง นรม. พล.อ.ฉัตรชัยฯ สามารถอนุมัติได้ เมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว ขอให้เร่งรัดดำเนินการโดยเร็ว ทำด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

ช่วงบ่าย รองนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปยังท่าเทียบเรือบ้านสามช่องเหนือ ตำบลกะไหล อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เพื่อพบปะและเยี่ยมเยียนประชาชนใน 3 ชุมชน (ชุมชนบ้านสามช่องเหนือ ชุมชนบ้านท่าดินแดง และชุมชนโกไคร) จากนั้นได้เดินทางโดยเรือ ไปตรวจเยี่ยมกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชนบ้านสามช่องเหนือ ซึ่งมีการทำผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติและเปลือกไม้ พร้อมเยี่ยมชมบ้านพักแบบโฮมเตย์ ธนาคารหอยแครงเพื่อการท่องเที่ยว และการดำเนินกิจกรรมแพเรือแคนูโดยชุมชน ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้ซักถามด้วยความสนใจพร้อมกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่เห็นความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายที่จัดกิจกรรมพัฒนาการท่องเที่ยวของชุมชน ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตดั้งเดิม สิ่งสำคัญคือจะต้องช่วยกันรักษาความสะอาดและความปลอดภัย เพื่อทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน รวมทั้งรักษาทรัพยากรธรรมชาติ เพราะถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่า อีกทั้งขอให้ชุมชนได้มีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่เข้ากับยุคสมัยด้วย

ตอนท้าย รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำว่า ขอให้ชุมชนได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ในการขับเคลื่อนชุมชนเพื่อให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้ ควบคู่กับการนำหลักการประชารัฐของรัฐบาลมาเป็นกระบวนการในการพัฒนาชุมชนจนเกิดความเข้มแข็ง และสามารถแก้ปัญหาด้านสังคม สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้การท่องเที่ยวในชุมชนมาเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และขจัดปัญหาความยากจนตามนโยบายรัฐบาลได้อย่างยั่งยืน

-----------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ