รอง นรม. พล.อ.อ. ประจินฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานในภาคขนส่ง ครั้งที่ 1/2561

ข่าวทั่วไป Thursday June 28, 2018 14:13 —สำนักโฆษก

โดยที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการปรับปรุงและอนุรักษ์พลังงานในภาคขนส่งทั้งระบบทางอากาศ ทางน้ำ ทางถนน และทางราง โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยสามารถยกระดับระบบโลจิสติกส์ ไปสู่การเป็นศูนย์กลาง (HUB)

วันนี้ (28 มิ.ย. 61) เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานในภาคขนส่ง ครั้งที่ 1/2561 ซึ่งสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ที่ประชุมรับทราบ มาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 เนื่องจากราคาดีเซล B20 ต่ำกว่าดีเซล B7 ถึง 3 บาท/ลิตร ส่งผลทำให้ลดอัตราภาษีสรรพสามิต และส่วนที่เหลือชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยจะใช้เฉพาะกลุ่มรถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่อลดภาระผู้ประกอบการและลดค่าใช้จ่ายการขนส่งและค่าครองชีพของประชาชน ทั้งนี้ ปี 2559 ได้มีการศึกษาการใช้ B100 ในเชิงพาณิชย์และเครื่องยนต์ทางการเกษตรซึ่งเกษตรกรกว่าร้อยละ 84 สนับสนุนไบโอดีเซลเพราะหาซื้อได้ง่ายและราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซล ซึ่งมีการจัดจำหน่ายผ่านสถานีบริการสหกรณ์การเกษตร 615 แห่งทั่วประเทศ อีกทั้งการใช้ B100 ในเครื่องยนต์การเกษตรจะดำเนินการได้ง่ายหากต้นทุนผลิตน้อยกว่า พร้อมทั้งผลการศึกษาพื้นที่นำร่องที่ใช้ B100 ประกอบด้วย จังหวัดพิษณุโลก มีเครื่องยนต์ 283,606 เครื่อง มีความต้องการดีเซล 201.35 ล้านลิตร/ปี และจังหวัดนครสวรรค์ มีเครื่องยนต์ 283,202 เครื่อง มีความต้องการดีเซล 201.07 ล้านลิตร/ปี และในปีนี้ ได้มีการนำน้ำมัน B10 มาใช้ในรถไฟ ตลอดจนกระทรวงพลังงานได้ประสานงานกับรฟท. และ ปตท. เพื่อร่วมดำเนินการนำร่องใช้ B10 กับรถไฟ จำนวน 1 เครื่องยนต์ ส่วนอีก 3 เครื่องยนต์ใช้ B7 เป็นระยะเวลา 6 เดือน (เริ่ม 21 ก.พ. 2561)

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการปรับปรุงและอนุรักษ์พลังงาน ในภาคขนส่ง ทั้งระบบทางอากาศ ทางน้ำ ทางถนน และทางราง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการจัดทำยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของแผนการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน เพื่อวางรากฐานพัฒนาประเทศให้มั่นคงอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งมีการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในภาคขนส่งให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยสามารถยกระดับระบบโลจิสติกส์ ไปสู่การเป็นศูนย์กลาง (HUB) ทางการค้า การลงทุน และการบริการในระดับภูมิภาคเอเชีย ตลอดจน มีการปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ปัจจุบันและรองรับความเจริญทางเศรษฐกิจของประเทศที่คาดว่าจะเติบโตมากขึ้นในอนาคตเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดโดยรวมต่อทุกภาคส่วน

……………………………………………

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ