วันนี้ (10 กรกฎาคม 2561) เวลา 15.05 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือนักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมีจากต่างชาติว่า ที่ผ่านมามีการถอดบทเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็น แนวทางปฎิบัติที่เหมาะสมมาปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ทั้งนี้ ถ้ำในประเทศไทยแตกต่างจากต่างประเทศพอสมควร โดยเฉพาะถ้ำหลวงที่เป็นทางน้ำ มีน้ำที่ไหลลงมาจากข้างบน ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทุกคนจึงเรียนรู้ไปด้วยกัน ต่างชาติเองก็ไม่เคยเห็นถ้ำในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม ต่างชาติได้ชื่นชมว่านักดำน้ำไทยและหน่วยซีล มีประสิทธิภาพ เก่ง มีความเข้มแข็ง ไม่จำเป็นต้องมาวิจารณ์กันว่า ใครพบทีมหมูป่าฯ ก่อนกัน เพราะถือเป็นการทำงานร่วมกัน เมื่อเจอก็ถือว่าเจอด้วยกัน ไม่ใช่ว่าใครเก่งกว่าใคร เพราะต่างชาติเองก็ยอมรับในฝีมือของเรา
สำหรับแนวทางการฟื้นฟูพัฒนาถ้ำหลวงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จำเป็นต้องทำให้เกิดความปลอดภัย เพื่อที่วันหน้าจะได้พัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง โดยต้องหามาตรการป้องกันการเข้าออก ไม่ควรเข้าไปในฤดูน้ำ อีกทั้งยังต้องมีมาตรการอื่น ๆ เหมือนกับต่างประเทศ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบแจ้งเตือน บันได ป้ายแจ้งเตือน เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในอนาคต และได้ย้ำไปยังหน่วยงานในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้หามาตรการที่เหมาะสม เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในอนาคต
ทั้งนี้ เรื่องถ้ำหลวง ตอนนี้ยังมีมาตรการห้ามไม่ให้เข้า เพราะต้องสำรวจทางเข้า - ทางออก ดูว่าตรงไหนปลอดภัย ไม่ปลอดภัย ในเรื่องเวลาเปิดถ้ำ ปิดถ้ำ ก็ต้องดูด้วย เจ้าหน้าที่ก็ต้องไปอยู่ประจำในช่วงระยะเวลา ที่อันตราย เพราะแค่ติดป้ายอย่างเดียวคงไม่ได้ ถ้าหันป้ายกลับก็มองไม่เห็นป้ายแล้ว ต้องติดป้ายที่หมุนไม่ได้ มีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ติดให้ครบ และการที่จะเข้าไปในถ้ำจะต้องมีการติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อน ถ้าเป็นถ้ำที่เปิดทั่วไปสามารถเข้าไปได้ แต่หากเป็นถ้ำที่เป็นลักษณะนี้ก็ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่เข้าไปก่อน ไม่อย่างนั้นเจ้าหน้าที่จะไม่รู้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า มีนักดำน้ำชาวต่างชาติเข้ามาช่วยในเหตุการณ์ครั้งนี้ทั้งหมดประมาณ 47 คน และการเดินทางไปเชียงรายเมื่อวานนี้ ได้พบปะกับทุกคน โดยได้กล่าวขอบคุณ กล่าวสวัสดี พร้อมสวมกอดเพื่อแสดงให้เห็นว่าทุกคนคือเพื่อนของเรา การไปครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อไปแสดงตนว่าเป็นพระเอก แต่ต้องการไปขอบคุณผู้ที่ทำงาน โดยได้มีโอกาสพบซีลที่ออกจากถ้ำ ผู้ว่าราชการจังหวัด และทีมงาน โดยคาดหวังว่าการทำงานในวันนี้จะเสร็จเรียบร้อยได้ จากที่เหลืออยู่ในถ้ำ 5 คน ซึ่งเราจะเห็นว่าการนำเด็กออกมาจากถ้ำนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ใช้เวลาหลายชั่วโมง เพราะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์น้ำด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งคนไทยและต่างประเทศ และได้ทำหนังสือในนามของนายกรัฐมนตรี เพื่อขอบคุณประเทศต่าง ๆ ไปยังผู้นำของแต่ละประเทศแล้ว และยังทำประกาศนียบัตรมอบให้เจ้าหน้าที่ที่มาช่วยเหลือทุกคน พร้อมได้มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อำนวยความสะดวกหากผู้ที่มาช่วยเหลือครั้งนี้ ต้องการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มาช่วยเหลือ ต่างไม่ต้องการอะไร ไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย เพราะทุกประเทศทั่วโลกต่างชื่นชมปฏิบัติการครั้งนี้ หลายประเทศแปลกใจ เพราะไม่คาดคิดว่าจะสามารถนำเด็กออกมา โดยผ่านเส้นทางน้ำได้ นี่คือความภาคภูมิใจของเราทุกคน นี่คือตัวอย่างการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติโดยรัฐบาล ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องลงไปสั่งการเอง แต่สามารถมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยดำเนินการแก้ไขปัญหา
ที่มา: http://www.thaigov.go.th