นายกรัฐมนตรีแนะใช้ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของไทยพัฒนาเป็นสถานที่พักผ่อนและฟื้นฟูสุขภาพ

ข่าวทั่วไป Wednesday July 25, 2018 13:38 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีแนะให้นำศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นสถานที่พักผ่อนและฟื้นฟูสุขภาพ ดึงนักท่องเที่ยวอยู่ในประเทศให้นานขึ้น สร้างรายได้และอาชีพในพื้นที่

วันนี้ (24 ก.ค.61) เวลา 13.15 น. ณ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ตำบลเมืองศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังอุบลราชธานี ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5/2561 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความกังวลในเรื่องของการพัฒนาการทางร่างกายของเด็กแรกเกิดและก่อนวัยเรียนว่า จากสถิติและการประเมินตัวชี้วัดในเรื่องดังกล่าวค่อนต่ำกว่าที่กำหนดทั้งเรื่องการพัฒนาการทางสมองที่มีการทดสอบไอคิว และขีดความสามารถในการเรียนในระดับพื้นฐานค่อนต่ำ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องแก้ไขจากข้อมูลข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ปรากฏออกมา รวมไปถึงการดูแลในเรื่องของการขาดสารไอโอดีนให้เพียงพอ โดยในส่วนของมหาวิทยาลัยอุบลฯ ได้มีการคิดค้นวิจัยในเรื่องของการเสริมโปรตีนด้วยจิ้งหรีดและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากจิ้งหรีดซึ่งจากการศึกษาวิจัยดังกล่าวพบว่าจิ้งหรีดมีโปรตีนสูง อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่มุ่งเพียงเฉพาะที่จะขายสิ้นค้าและผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ต้องเป็นการตระหนักถึงการที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ออกมาให้ผู้บริโภคได้รับประทานในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และอยากให้มีการส่งเสริมให้ประชาชนและเกษตรกรสามารถที่จะเลี้ยงไว้บริโภคเองในครัวเรือนได้ด้วยและเป็นการเลี้ยงแบบอินทรีย์ เพื่อให้คนในครอบครัวไม่ขาดสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยเฉพาะเรื่องของโปรตีน

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิต การพัฒนาการเกษตรและการเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นว่า ต้องฝากความหวังไว้ที่สถาบันการศึกษาต่าง ๆ และโรงเรียนจำนวน 2,000 กว่าโรงเรียนใน 4 จังหวัด(อุบลราชธานี อานาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร) ให้ความรู้กับประชาชนเพื่อเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ในเบื้องต้นทั้งเรื่องของปัญหาการขาดแคลนน้ำ น้ำท่วม หรือการชำรุดของอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ซึ่งได้สั่งการเรื่องดังกล่าวกับกระทรวงมหาดไทยเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะขอให้ท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นนายกเทศมนตรี นายก อต. นายก อจ. ให้ช่วยกันรวบรวมจิตอาสามาช่วยดูแลในส่วนที่มีปัญหาโดยเฉพาะเรื่องของน้ำท่วมหรืออุทกภัยเบื้องต้นก่อนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนไม่ให้ส่งผลกระทบและเสียหายเกินกว่าจะแก้ไข จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันและผู้ว่าราชการจังหวัดต้องไปบูรณาการในเรื่องนี้

ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งหมดต้องมาดูแลประชาชนและพื้นที่รับผิดชอบของตนเองโดยไม่ต้องรอให้หน่วยงานส่วนกลางมาแก้ไขให้หรือรองบประมาณเท่านั้น เพราะบางเรื่องสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันทีในเบื้องต้นก่อน จึงเรียกว่าเป็นการกระจายอำนาจและความรับผิดชอบ โดยต้องเตรียมความพร้อมทุกอย่างในพื้นที่ของตนเองให้พร้อมรับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น

ส่วนด้านการท่องเที่ยวนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะภาคอีสานถือเป็นดินแดนแห่งอาหาร ป่า และวัฒนธรรม ซึ่งตรงนี้ไปคิดหาแนวทางในการที่จะทำให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการมุ่งเน้นในเรื่องการท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง รวมถึงการท่องเที่ยวชุมชนให้มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน รวมทั้งต้องทำให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนและฟื้นฟูเพื่อรักษาสุขภาพ โดยเป็นการสนับสนุนส่งเสริมให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมาท่องเที่ยวและพักผ่อนอยู่ในประเทศไทยให้นานขึ้น ประมาณ 15 - 30 วัน ในพื้นที่ที่มีที่ธรรมชาติและที่พักที่สะดวกสะบายในราคาที่เหมาะสม รับประทานอาหารที่เป็นอาหารอินทรีย์ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้และอาชีพให้กับคนในพื้นที่มากขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยืนยันการเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้มารับข้อเสนอของบุคคลใด แต่มารับฟังประชาชน เพราะการสื่อสารสองทางเป็นสิ่งสำคัญ รวมไปถึงการมีแผนที่จะขยายอาคารสนามบินนานาชาติอุบลราชธานี เพื่อรองรับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ และการเร่งรัดศึกษาความเป็นไปได้สนามบินมุกดาหารและสนามบินเลิงนกทา ทั้งนี้โครงการทั้งหมดเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณจำนวนมากแต่เป็นโครงการที่อยู่ในแผนงานอยู่แล้ว ซึ่งการใช้งบฯ ในเรื่องดังกล่าวต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.การใช้งบประมาณที่ต้องเป็นไปอย่างเหมาะสม จึงขอความร่วมมือทุกฝ่ายช่วยกันลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และมูลค่าให้น้อยลงให้มากที่สุด เพื่อนำเงินมาเพิ่มในส่วนของในเรื่องดังกล่าว จะทำให้ทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน

----------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ