นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมแอ่งท่องเที่ยวชีทวน จ.อุบลราชธานี แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี

ข่าวทั่วไป Tuesday July 24, 2018 14:16 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมแอ่งท่องเที่ยวชีทวน จ.อุบลราชธานี แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี

วันนี้ (24 กรกฎาคม 2561) เวลา 14.45 น. ณ วัดศรีนวลแสงสว่างอารมณ์ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เยี่ยมชมแอ่งท่องเที่ยวชีทวน ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ของกระทรวงมหาดไทย และเป็นการส่งเสริมการขายสินค้าในชุมชนจากการท่องเที่ยว โดยใช้เสน่ห์ ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสวิถีชุมชนจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ ขี่จักรยาน เที่ยววัด ทำอาหารท้องถิ่น และพักค้างคืนในรูปแบบโฮมสเตย์ ทั้งนี้ การท่องเที่ยวชุมชนยังเป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชนให้เกิดความยั่งยืน ส่งผลให้ชุมชนสามารถคงเอกลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมทั้งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและกระจายรายได้สู่ชุมชน

ทั้งนี้ เมื่อเดินทางถึง นายกรัฐมนตรีถือพานขันหมากเบ็ง (พานดอกไม้บูชาถวายพระ) ขบวนเทศน์ปฐมสมโภชแบบโบราณ โดยมีขบวนฟ้อนกลองตุ้ม ต้อนรับเข้ามายังหอแจก เพื่อกราบนมัสการพระเทพปัญญามุณี เจ้าอาวาสอาวุธวิกสิตาราม ซึ่งเป็นชาวพื้นเพชีทวน ซึ่งพระเทพปัญญามุณีได้มอบของที่ระลึกและเหรียญพระพุทธวิเศษ ให้กับนายกรัฐมนตรี

จากนั้น พระเทพปัญญามุนีได้ขึ้นธรรมาสน์สิงห์เทินเพื่อเทศปฐมสมโภชโบราณให้นายกรัฐมนตรีและคณะรับฟัง ในเนื้อหาการเป็นผู้นำที่ดีของผู้บริหารที่ทำให้ประเทศเกิดความสงบสุข นักบริหารหรือผู้นำที่ดีต้องประกอบด้วย ต้องมีความอดทนยิ้มแย้มแจ่มใส ต้องมีการตื่นตัวรู้เท่าทันต่อสถานการณ์ ต้องมีความขยันหมั่นเพียรไม่ท้อถอยต่ออุปสรรค ต้องมีความเอื้อเฟื้อแบ่งปันแบ่งงานกระจายงาน ต้องมีความเมตตากรุณามีความเป็นธรรมมีความเที่ยงธรรม และต้องมีความรอบคอบตรวจสอบติดตามงานของผู้ใต้บังคับบัญชาหากเกิดปัญหาต้องช่วยแก้ไข

สำหรับการเทศน์ปฐมสมโภชดังกล่าวเป็นประเพณีแหล่งวัฒนธรรมของชาวชีทวนซึ่งจะมีปีละครั้งในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาเท่านั้น

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมวัดศรีนวลแสงสว่างอารมณ์ ซึ่งเป็นธรรมาสน์แห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีรูปแบบแตกต่างจากธรรมาสน์โดยทั่วไป คือ มีลักษณะเป็นรูปสิงห์ ยืนเทินปราสาท (ตัวธรรมาสน์) สร้างด้วยอิฐถือปูน ยอดปราสาทเป็นเครื่องไม้ทำเป็นชั้นซ้อนลดหลั่น ประดับตกแต่งลายปูนปั้น และลายเขียนสีแบบศิลปะญวนทั้งหลัง ตัวธรรมาสน์ ตั้งอยู่ในหอแจก (ศาลาการเปรียญ) ทรงไทยที่มีจิตรกรรมฝ้าเพดาน ศิลปะสกุลช่างเดียวกัน ถือเป็นประติมากรรมที่มีคุณค่ายิ่งทางด้านศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน โดยกรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียน เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินทักทายกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับ และกล่าวทักทายตอนหนึ่งว่า ทุกคนต้องร่วมมือกันทำให้บ้านเมืองสงบสุข ร่มเย็น ปัญหาความขัดแย้ง แตกแยกต้องเลิกได้แล้ว จะต้องไม่แบ่งพวกแบ่งฝ่ายอีกต่อไป ในส่วนของการช่วยเหลือประชาชนอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่รัฐบาลจะเป็นผู้ดำเนินการ แต่อะไรที่เป็นเรื่องเล็กก็ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านช่วยกันทำด้วย เพราะทุกคนเป็นคนไทย และคำว่าประชาธิปไตยต้องเป็นประชาธิปไตยสำหรับทุกคน อย่าให้ใครมาบอกว่าเป็นว่าเป็นประชาธิปไตยสำหรับคนรวยเท่านั้น ประชาชนทุกคนต้องเข้าถึงโอกาส ทำตามกฎหมายและกติกา ซึ่งกติกามีไว้เพื่อไม่ให้สังคมวุ่นวาย เมื่อสังคมไม่วุ่นวายไม่ขัดแย้ง ไม่มีการปลุกระดมให้เกลียดชังกันสังคมก็จะมีความสงบเรียบร้อย

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งแก้ปัญหาการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยมีการนำโฉนดที่ดินคืนให้ประชาชนจำนวนมาก ขณะเดียวกันต้องขอร้องข้าราชการอย่าปล่อยเงินกู้ หากมีการปล่อยกู้จะโดนลงโทษทางวินัย ซึ่งกฎหมายมีข้อกำหนดเรื่องอัตราดอกเบี้ยอยู่แล้ว เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่มีการชะลอและประนอมหนี้มาตลอด ใครเป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ จะยกหนี้ให้ได้อย่างไร เป็นหนี้ก็ต้องทยอยใช้ ใครไม่เคยเป็นหนี้บ้างนายกรัฐมนตรีเองก็เคยเป็นหนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเป็นหัวหน้ารัฐบาลไม่ใช่แค่อนุมัติงบประมาณ แต่การบริหารราชการแผ่นดินต้องรู้ทุกเรื่อง ไม่ใช่ฟังแล้วไม่รู้เรื่องอะไร และไม่จำเป็นต้องให้ใครมาชอบ แต่จะทำให้อยู่แล้วเพราะนี่คือประเทศไทย ขณะเดียวกันไม่ได้ทำเพื่อรัฐบาลหรือเพื่อ คสช. และขออย่าสนใจเรื่องเดิม ๆ ไม่เช่นนั้นความคิดใหม่ ๆ ก็ไม่เกิดและย้ำว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ได้วางไว้เพื่อสืบทอดอำนาจแต่อย่างใด

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ OTOP ของตำบลชีทวน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะผลิตอะไรก็ตามต้องคำนึงถึงการตลาดเป็นหลัก พร้อมกับเรียนรู้กลไกลตลาดควบคู่ไปด้วย อย่าผลิตสินค้าแต่อย่างเดียว

ทั้งนี้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับ ประชาชนที่มาให้การต้อนรับได้ร่วมกันร้องเพลงสู้เพื่อแผ่นดิน และเปล่งเสียงให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีว่า "เรารักลุงตู่ ลุงตู่สู้ ๆ"

--------------------

สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ