รัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทยโชว์ผลงานประชารัฐ E3 สร้างรายได้แล้วกว่า 2 พันล้านบาท

ข่าวทั่วไป Tuesday July 31, 2018 14:44 —สำนักโฆษก

รัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทยโชว์ผลงานประชารัฐ E3 สร้างรายได้แล้วกว่า 2 พันล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจ ในพื้นที่เติบโตอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน เชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากกับเศรษฐกิจระดับประเทศ

วันนี้ (31 กรกฎาคม 2561) เวลา 08.30 น. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ บริเวณโถงกลางตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนำคณะเข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอผลงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ โดยมี นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน และนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในฐานะคณะทำงานและเลขานุการร่วมภาครัฐ เข้าร่วม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวรายงานว่า รัฐบาลได้ประกาศใช้นโยบาย “สานพลังประชารัฐ” โดยประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ช่วยกันแก้ปัญหาและคิดหาทางสร้างอนาคตให้ประเทศไทย ผ่านโครงสร้างการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่มุ่งมั่น ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพคน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีคณะทำงานร่วมภาครัฐภาคเอกชน จำนวน 12 คณะ เป็นกลไกขับเคลื่อนนโยบาย และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในด้านการพัฒนา คือ “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” มีกรอบเป้าหมายที่จะนำมาสู่ความยั่งยืน ทั้งนี้ ได้ดำเนินการ 3 เรื่อง ประกอบด้วย เกษตร แปรรูป และท่องเที่ยวโดยชุมชน ภายใต้ 5 กระบวนการ ได้แก่ การเข้าถึงปัจจัยการผลิต “การสร้างองค์ความรู้ การตลาด การสื่อสารสร้างการรับรู้ และการบริหารจัดการ”

ทั้งนี้ การสร้างองค์ความรู้ การตลาด การสื่อสารสร้างการรับรู้ และการบริหารจัดการ โดยมีคณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐประจำจังหวัด (คสป.) และ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด เป็นกลไกในการขับเคลื่อน จากการดำเนินงานมากว่า 2 ปี คณะทำงานฯ สร้างผลงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม มีการนำนวัตกรรมและองค์ความรู้เสริมสร้างเศรษฐกิจ 1.0 ให้เป็น Smart 1.0 เนื่องจากเป็นเศรษฐกิจพื้นฐานที่เติบโตจากชุมชนอันเป็นรากฐานสำคัญของประเทศด้วยการนำนวัตกรรมเข้ามาเพิ่มมูลค่า จัดหาช่องทางการตลาด รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพสินค้า ให้มีศักยภาพและความเข้มแข็งพร้อมก้าวสู่เศรษฐกิจ 4.0 สร้างความเข้มแข็งและสานพลังทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อให้เศรษฐกิจ ในพื้นที่เติบโตอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน เชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากกับเศรษฐกิจระดับประเทศ"

นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวรายงานถึงผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมว่า มีกลุ่มเป้าหมายได้รับการพัฒนา ซึ่งคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย 3,985 กลุ่ม แยกเป็น ด้านการเกษตร จำนวน 1,019 กลุ่ม ด้านการแปรรูป จำนวน 2,025 กลุ่ม ด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชน จำนวน 941 กลุ่ม รวมรายได้ที่เกิดขึ้น 2,224 ล้านบาท มีผู้ได้รับประโยชน์ 572,356 คน

นอกจากนี้จากข้อมูล จปฐ. ปรากฏว่าชุมชนเป้าหมายมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 1.23 ยอดเงินรวม 763,002,843 บาท อีกทั้งยังมีการขยายผลวิสาหกิจเพื่อสังคมระดับ อำเภอ ตำบล เพิ่ม 14 แห่ง นอกจากนั้น ได้มีการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ข้ามจังหวัด 6 แห่ง เช่น เครือข่ายผ้าบาติก เครือข่ายโคขุน เครือข่ายตลาดประชารัฐ เครือข่ายนครชัยบุรินทร์ เครือข่ายเพชรสมุทรคีรี และเครือข่ายมโนราห์ รวมทั้งมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องต่อตลาด เช่น เห็ด จังหวัดอ่างทอง ยอดจำหน่าย 112,000 บาท/เดือน ชาใบข้าวหอมมะลิ จังหวัดร้อยเอ็ด ยอดจำหน่าย 100,000 บาท/เดือน ท่องเที่ยวชุมชนบ้านเดื่อ จังหวัดหนองคาย รายได้ 240,000 บาท/เดือน และเครื่องสำอางแบรนด์ส้มซ่า จังหวัดพิษณุโลก ยอดจำหน่าย 350,000 บาท/เดือนยิ่งไปกว่านั้นยังมีการเพิ่มช่องทางการตลาดหลากหลายในทุกจังหวัด เช่น ตลาด Modern Trade อีกด้วย

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้ดื่มน้ำนมข้าว พร้อมเชิญชวนสื่อมวลชนดื่มเพื่อสุขภาพ พร้อมกล่าวว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก ช่วยส่งเสริมด้านอาชีพที่มีการจัดการตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง และเน้นย้ำให้สร้างเรื่องราว (Story) ของสินค้า เพราะชาวต่างชาติจะชื่นชอบและเข้าใจได้ง่ายและช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าอีกด้วย

.....................................................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ