รมต.ทส. พร้อมด้วย รมต.นร. นายกอบศักดิ์ฯ ร่วมกันแถลงข่าวในงาน Meet the Press หัวข้อ “การจัดการ ป่าไม้ไทย อย่างยั่งยืน”

ข่าวทั่วไป Thursday August 9, 2018 14:27 —สำนักโฆษก

รมต.ทส. พร้อมด้วย รมต.นร. นายกอบศักดิ์ฯ ร่วมกันแถลงข่าวในงาน Meet the Press หัวข้อ “การจัดการ ป่าไม้ไทย อย่างยั่งยืน” โดยมีกฎหมายรองรับพร้อมยังมี “โครงการสวนป่าประชารัฐ” ที่นำร่องเปิดดำเนินการกว่า 60 แห่งทั่วประเทศจะเป็นประโยชน์และนำความสุขสู่ประชาชน

วันนี้ (9 สิงหาคม 2561) เวลา 11.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงข่าวในงาน Meet the Press หัวข้อ “การจัดการ ป่าไม้ไทยอย่างยั่งยืน” โดยมีสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ เข้าร่วมงาน ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถึงแนวทางการปฏิรูปทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทย รวมถึงนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่า การจัดการป่าไม้ของประเทศไทยนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญและกำลังดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้ ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยถือเป็นมรดกอันล้ำค่าที่บรรพบุรษไทยได้รักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ให้คงอยู่กับอนุชนรุ่นหลัง ดังนั้น คนไทยทุกคนต้องช่วยกันดูแลรักษาผืนป่าไทยให้คงอยู่ต่อไป ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่กำกับขับเคลื่อนบูรณาการร่วมกันมากว่า 3 ปีแล้ว พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ยังได้กล่าวของคุณสื่อมวลชน และประชาชนคนไทยทุกคนที่เป็นเครือข่ายเฝ้าระวังพร้อมแจ้งเตือนในโซเชียลมีเดียที่ทำให้รัฐบาลได้รับรู้และรับทราบข้อมูลในพื้นที่ที่เกี่ยวกับป่าไม้ ตลอดจนการบุกรุกพื้นที่ป่า ฯลฯ ซึ่งต่างก็มีบทเรียนเกี่ยวกับป่ามากมาย ขณะที่รัฐบาลกำลังพยายามแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีมาโดยตลอด เพื่อลดความขัดแย้งเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ ทั้งนี้ รัฐบาลส่งเสริมให้คนที่ทำดีมีโอกาสทำธุรกิจไม้จากป่าปลูกให้เดินหน้าได้เต็มที่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยมีกฎหมายรองรับให้ถูกต้อง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ทั้งหมดจำนวนกว่า 500,000 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นไร่ จำนวน 323 ล้านไร่ มีป่าไม้ที่สมบูรณ์อยู่จำนวน 102.4 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 32% นอกนั้นเป็นป่าอื่น ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีพื้นที่สีเขียว 32% ของประเทศ และรัฐบาลได้กำหนดทิศทางอนาคตโดยมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งกำหนดว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้านี้ ประเทศไทยเราควรจะมีพื้นที่ป่าไม้ ต้นไม้และพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่าร้อยละ 55% ฉะนั้นในปี 2580 คนไทยในวันนั้นจะอยู่กับพื้นที่ที่ป่าไม้และพื้นที่สีเขียวที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้กำหนดแผนงาน 4 มาตรการรองรับ ได้แก่ 1. การจัดการป่าไม้ด้วยการอนุรักษ์ 2. การจัดการป่าไม้เพื่อการสนับสนุนพัฒนาประเทศ 3. การจัดการป่าไม้เพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ 4. การปฏิรูปการบริหารจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าวย้ำว่า การจัดการป่าไม้ด้วยการอนุรักษ์ รัฐบาลต้องมีแผนในการปกป้องอย่างเข้มข้นและฟื้นฟูเพิ่มเติม เช่น การลาดตระเวนโดยเพิ่มหน่วยบินของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ นอกจากนี้ การจัดการป่าไม้เพื่อการสนับสนุนพัฒนาประเทศนั้นจำเป็นต้องมีอ่างเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าวต่อไปว่า การจัดการป่าไม้เพื่อเศรษฐกิจและสังคมนั้น รัฐบาลได้มีโครงการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล โดยการจัดที่ดินทำกินให้แก่ผู้ยากไร้ไม่มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยในลักษณะแปลงรวม โดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ แต่เป็นการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐเป็นกลุ่มหรือชุมชนในรูปแบบสหกรณ์หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสม รวมทั้งการส่งเสริมการประกอบอาชีพตามศักยภาพของพื้นที่ และการปลูกป่า 3 อย่างได้ประโยชน์ 4 อย่าง ตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 คือรัฐได้ป่า ประชาชนได้ที่ทำกิน ขณะเดียวกันรัฐบาลและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่า การออกกฎหมายเพื่อปกป้องและปฏิรูปป่าไม้เป็นเรื่องสำคัญ จึงพยายามผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ หนึ่งในนั้นก็คือ "กฎหมายป่าชุมชน" ซึ่งหลายฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่า การให้คนอยู่ร่วมกับป่าและบริหารจัดการพื้นที่ป่าไปด้วยกัน เป็นทางออกที่ดีที่จะช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ประเทศได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 ได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป่าชุมชน พ.ศ. .... เพื่อเปิดโอกาสให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมกันดูแลผืนป่าและใช้ประโยชน์จากป่าไม้ที่ร่วมกันอนุรักษ์ได้ พร้อมกันนี้ยังอนุมัติร่างพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กำหนดให้ไม้ทุกชนิดที่ขึ้นหรือปลูกขึ้นในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่เป็นไม้หวงห้าม ถือเป็นสิทธิเจ้าของที่ดิน แต่ถ้ามีการค้าขายก็ต้องมีกติกาและมีการขออนุญาตตามขั้นตอนของกฎหมายดังกล่าวต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า รัฐบาลได้ส่งเสริมการปลูกไม้มีค่า ที่เรียกกันว่า ไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าสูงในที่ดินกรรมสิทธิ์ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเพิ่มรายได้ให้กับคนไทยทุกภาคส่วนโดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าไม้จากต่างประเทศ อีกทั้ง “โครงการสวนป่าประชารัฐ เพื่อความสุขของคนไทย” จะเป็น “ป่าในเมือง” ที่ตั้งอยู่ในเมืองหรือใกล้เมือง โดยภาครัฐร่วมกับท้องถิ่นและชุมชนดำเนินการร่วมกันในลักษณะของพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ตามความเหมาะสม เช่น ออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ ศึกษาธรรมชาติ ภายใต้การพัฒนาให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งของแต่ละพื้นที่ โดย “โครงการสวนป่าประชารัฐ”ทั่วประเทศ ในปัจจุบันมีทั้งหมด 111 แห่ง เปิดดำเนินการไปแล้วทั้งสิ้น 60 กว่าแห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วยสวนพฤกษศาสตร์ สวนรวมพรรณไม้ป่า 60 พรรษามหาราชินี สวนพฤกษศาสตร์วรรณคดี สวนรุกขชาติ วนอุทยาน หรือพื้นที่อื่นๆ ที่อยู่ในการดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติฯ โดยได้มีการกำหนดรูปแบบพื้นที่เพื่อให้ประชาชนได้มาใช้ประโยชน์ มีการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ป้ายสื่อความหมาย ลานกีฬา ลานกิจกรรม ลานดนตรี ตลาดประชารัฐ เส้นทางจักรยาน ทางเดิน ทางวิ่ง หรือการออกกำลังกายในรูปแบบต่าง ๆ อย่างครบถ้วนอีกด้วย

--------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


แท็ก ป่าไม้  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ