วันนี้ (14 สิงหาคม 2561) เวลา 08.30 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานนำคณะเข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ “เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ และความมั่นคงในชีวิต”
โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าวรายงานว่า กระทรวงแรงงานได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ฝึกอาชีพผู้มีรายได้น้อยภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ และความมั่นคงในชีวิต พร้อมส่งเสริมการมีงานทำ การประกอบอาชีพอิสระ การคุ้มครองแรงงาน สิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย การประกันตนตามมาตรา 40 ซึ่งขณะนี้ได้ใช้แนวทางประชารัฐร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่เร่งดำเนินการฝึกอบรม โดยได้นำกิจกรรมและสาธิตการฝึกอาชีพมาแสดง เพื่อแสดงให้เห็นถึงทักษะฝีมือการมีงานทำหรือประกอบอาชีพอิสระ ได้แก่ เก้าอี้ยางรถยนต์ ช่างตัดผม ช่างอเนกประสงค์ และกิจกรรมของกรมการจัดหางาน ได้แก่ กลุ่มแม่บ้านชุมชนบ้านครัวตะวันตก และกลุ่มผลิตภัณฑ์ผักตบชวามาจัดแสดงด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวรายงานต่อไปว่า โครงการนี้ตั้งเป้าฝึกอาชีพผู้มีรายได้น้อย 625,120 คน แบ่งเป็นหลักสูตรฝึกอาชีพช่างอเนกประสงค์ (ช่างชุมชน) จำนวน 81,000 คน ใช้ระยะเวลาการฝึกอบรม 60 ชั่วโมง โดยมีการมอบเครื่องมือประกอบอาชีพ เพื่อนำไปต่อยอดในการรับงานในชุมชน และหลักสูตรการฝึกอาชีพเสริมเพื่อการมีงานทำ หรือประกอบอาชีพอิสระ จำนวน 544,120 คน มี 58 หลักสูตร เช่น การทำศิลปะประดิษฐ์ การแต่งผมสุภาพบุรุษ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การประกอบอาหารไทย เป็นต้น ระยะเวลาการฝึกอบรม 18 ชั่วโมง 30 ชั่วโมง และ 60 ชั่วโมง ในขณะนี้มีแผนปฏิบัติการไปแล้วจำนวน 400,090 คน โดยดำเนินการฝึกอบรมแล้ว 163,885 คน ซึ่ง ในปัจจุบันมีผู้เข้ารับการฝึกอบรม สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพ ทั้งอาชีพเสริม และอาชีพหลัก หรือบางส่วนสามารถเข้าสู่การจ้างงานในสถานประกอบกิจการได้ จึงเชื่อมั่นว่าผู้เข้ารับการฝึกกว่าร้อยละ 65 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยพร้อมให้ความช่วยเหลือจับคู่คนกับงานผ่านตู้งาน (Job Box) อีกด้วย จำนวน 500 ตู้ และตำแหน่งงานต่าง ๆ อีกจำนวน 70,000 อัตรา รวมทั้งส่งเสริมการรับงานไปทำที่บ้าน ตลอดจนสามารถสมัครเข้าทำงานในประเทศและต่างประเทศ พร้อมให้ความรู้ด้านกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ส่งเสริมความปลอดภัย และนำเข้าสู่ระบบประกันสังคม เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคนมีรายได้และชีวิตที่มั่นคง ส่งผลให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวข้ามกับดักความยากจนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตามนโยบายที่รัฐบาลได้วางไว้ต่อไป
........................................................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th