นายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยาน การมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือก ให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลฯ ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองลำเลียง–ละอุ่น ให้ผู้แทนชุมชนอำเภอต่าง ๆ ของจ.ระนอง

ข่าวทั่วไป Monday August 20, 2018 13:36 —สำนักโฆษก

นายกรฯ ตรวจราชการ จ.ระนอง เป็นสักขีพยานการมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลฯ ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าคลองลำเลียง - ละอุ่น” จำนวน 94 ราย 98 แปลง ยืนยันรัฐบาลจะหามาตรการต่าง ๆ ช่วยเหลือประชาชนให้เข้มแข็งด้วยตนเอง

วันนี้ (20 สิงหาคม 2561) เวลา 09.00 น. ณ หอประชุมพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ศูนย์ราชการจังหวัดระนอง ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นสักขีพยานการมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวม ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าคลองลำเลียง - ละอุ่น” เนื้อที่ 511 – 3 – 33 ไร่ จำนวน 94 ราย 98 แปลง ให้กับผู้แทนชุมชนอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดระนอง

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวพบปะกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับ ตอนหนึ่งว่า ขอชื่นชมพี่น้องชาวระนองที่ได้ร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงความอุดมสมบูรณ์ไว้เป็นอย่างดี เพราะมีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายอุดมสมบูรณ์ ซึ่ง UNESCO ได้ประกาศเป็นเขตสงวนชีวมณฑลของโลก ทำให้จังหวัดระนองมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวโดยถือเป็น “เมืองต้องห้าม...พลาด พลัส” และสามารถผลักดันเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ เป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ด้วยมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง เช่น เกาะพยาม ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ตลอดจนมีแหล่งน้ำแร่ร้อนธรรมชาติคุณภาพดีที่สามารถพัฒนาไปสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและสปา

ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพของจังหวัดระนองที่มีแหล่งน้ำแร่ร้อนธรรมชาติคุณภาพดีรัฐบาลพร้อมส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยการส่งเสริมแพทย์ทางเลือกผ่านการบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพแบบดุลยภาพบำบัดด้วยน้ำพุร้อนธรรมชาติ ซึ่งจังหวัดระนองมีการดำเนินงานอยู่ที่ศูนย์ฟื้นฟูสภาพด้วยการแพทย์ทางเลือกโรงพยาบาลระนอง เป็นการใช้วารีบำบัด นับเป็นแห่งแรกที่มีการรักษาฟื้นฟูโดยใช้น้ำแร่ธรรมชาติซึ่งน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลมุ่งผลักดันการก่อสร้างศูนย์สุขภาพด้วยน้ำแร่ฝั่งอันดามันเป็นศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพระดับประเทศ สามารถให้บริการแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้อย่างครบวงจร โดยใช้ประโยชน์จากน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ พร้อมทั้งให้บริการพร้อมส่งเสริมสุขภาพด้วยน้ำแร่แบบแพทย์แผนไทยและศูนย์ฟิตเนสควบคู่กันไปด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงาน และสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทำให้เศรษฐกิจภาพรวมของจังหวัดดีขึ้น

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ดำเนินการยกระดับมาตรฐานการแพทย์ในแหล่งท่องเที่ยวอันดามัน การแพทย์ฉุกเฉินทางทะเลสู่สากล ให้เป็นที่ยอมรับของนักท่องเที่ยวโดยการเชื่อมโยงเครือข่ายกับโรงพยาบาลในแหล่งท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานขั้นสูงผ่านโครงการ : Andaman Hub Medical Network ทั้งการจัดตั้งหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเลในแหล่งท่องเที่ยว การจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งพี่น้องประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยว จะได้รับการช่วยเหลือเมื่อประสบเหตุอย่างทันท่วงที รวมถึงเพิ่มศักยภาพและมาตรฐานการให้บริการด้านการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง การพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้มีความพร้อมรองรับผู้ป่วยฉุกเฉินในทุกสถานการณ์ เพื่อลดความรุนแรงจากการเจ็บป่วยฉุกเฉิน การพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกระดับให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการนำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ เสมือนเป็นฝ่ายการเมืองเพื่อมาติดตามและแก้ไขปัญหาที่สะสมในพื้นที่มานาน โดยการแก้ปัญหานั้น จะต้องมีแบบแผน และมียุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนา เพื่อให้การขับเคลื่อนงานการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ให้เกิดความเชื่อมโยง พร้อมกล่าวยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะหามาตรการต่าง ๆ ในการช่วยเหลือประชาชนให้เข้มแข็งด้วยตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนฝากความหวังไว้กับทุกรัฐบาล แต่รัฐบาลชุดนี้จะไม่ให้ความหวัง แต่จะมาบอกความจริง ที่มีแผนแม่บทในการทำงาน พร้อมกล่าวย้ำว่าการลงพื้นที่ไม่หวังผลการเมือง แต่มาติดตามความคืบหน้าการทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน ให้เกิดความเชื่อมโยงทั้งด้านการท่องเที่ยว และการพัฒนาท่าเรือ

พร้อมกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลนี้ไม่เคยรังแกใคร ทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย ปัญหาเก่าดำเนินการแก้ไข แต่ของใหม่ต้องไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งในอนาคตประชาชนจะต้องเลือก รัฐบาลเข้ามาดำเนินการตามหลักที่ถูกต้อง และต้องคอยตรวจสอบการทำหน้าที่ของพวกเขาเหล่านี้ด้วย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงเกี่ยวกับการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวว่านายกรัฐมนตรีประกาศแก้ปัญหาจราจรให้ได้ภายใน 3 เดือน โดยระบุว่า ส่วนตัวไม่ได้หมายความว่าปัญหาจราจรติดขัดจะต้องแก้ให้สำเร็จภายใน 3 เดือน เพราะในความเป็นจริงไม่มีใครสามารถทำได้ แต่ในระยะเวลา 3 เดือนนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอแผนแก้ปัญหาจราจรเข้ามา โดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ช่วยเสริมการทำหน้าที่ของตำรวจจราจร แต่หากไม่สามารถเสนอแผนเข้ามาได้ ตำรวจจราจรต้องถูกคาดโทษ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้นั่งรถเยี่ยมชมเมืองระนอง พร้อมโบกมือทักทายประชาชนตลอดเส้นทาง ก่อนเดินทางไปยังบ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน ตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมืองระนอง ต่อไป

------------------------

สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ