สรุปประเด็นนายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2561

ข่าวทั่วไป Friday August 24, 2018 15:46 —สำนักโฆษก

สรุปประเด็นนายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2561

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนผ่านรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2561 เวลา 20.15 น. ในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้

ตามที่สำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ไปประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา ด้วยพระอาการประชวรไข้หวัดใหญ่นั้น คณะแพทย์ได้ถวายพระโอสถมาระยะหนึ่งแล้ว จากนั้น พระอาการโดยรวมดีขึ้น ไม่ทรงมีพระปรอท ทรงพระกรรสะลดลง รับสั่งได้ดี เสวยพระกระยาหารได้ดี คณะแพทย์ขอพระราชทานให้ประทับที่โรงพยาบาล เพื่อถวายการฟื้นฟูพระวรกายต่อไป โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทยทุกคนร่วมใจกัน ถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พร้อมตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์ ทรงหายจากพระอาการประชวร และขอทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงโดยเร็ว ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา เป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงพิสูจน์การคำนวณสถานที่และเวลาการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ณ หมู่บ้านหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งพระองค์ทรงคำนวณล่วงหน้าไว้ถึง 2 ปี ว่าจะเกิดเหตุการณ์สำคัญทางดาราศาสตร์ โดยปีนี้ถือว่าเป็นการครบรอบ 150 ปี ของการเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงที่นับเป็นจุดเริ่มต้นและสัญลักษณ์ของวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ของประเทศไทย ในปีนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้จัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2561 นี้ ภายใต้แนวคิด “จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ เสริมสร้างชาติด้วยเทคโนโลยี สู่วิถีแห่งนวัตกรรม” เพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทยและเผยแพร่ผลงานการวิจัยความก้าวหน้า เพื่อกระตุ้นความสนใจส่งเสริมความรู้ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 - 26 สิงหาคม 2561 นี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค ฮอล์ล 2 ถึง 8 เมืองทองธานี โดยมี นิทรรศการวิทยาศาสตร์ติดถ้ำ ซึ่งมีการนำเรือดำน้ำจิ๋วหรือเรือดำน้ำหมูป่าที่มีหน้าตาเหมือนแคปซูล พัฒนาโดย อีลอน มัสก์ เจ้าของกิจการขนส่งอวกาศสเปซเอ็กซ์มาจัดแสดง พร้อมกับให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ติดถ้ำเพื่อให้ผู้ชมได้เรียนรู้ ด้านภูมิศาสตร์ธรณีวิทยา เทคโนโลยีกู้ภัย และการเตรียมตัวไปเที่ยวถ้ำ นิทรรศการยุคข้อมูลครองโลกหรือ “BIG DATA” นิทรรศการวิกฤตขยะเทคโนโลยีเปลี่ยนชีวิตและซูเปอร์ฟู้ด หรือ อาหารแห่งศตวรรษ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมต่าง ๆ ที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชนมาจัดแสดงด้วย

นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ พร้อมประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 6/2561 เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จังหวัดชุมพร และระนอง ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ รัฐบาลได้เน้นการพัฒนาจังหวัดระนอง ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Smart Living City) ผ่านการส่งเสริมเรื่องแพทย์ทางเลือก เพราะมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ โดยจะต้องดูแล รักษาและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางน้ำ ให้มีความสมบูรณ์ในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในอนาคต พร้อมทั้งพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการค้าโลจิสติกส์ ชายฝั่งอันดามัน ซึ่งจะสนับสนุนแนวคิดการเชื่อมโยงของกลุ่มประเทศอินโด - แปซิฟิก และ One Belt One Road ของจีน เพื่อการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากท่าเรือระนองให้เต็มศักยภาพ สำหรับจังหวัดชุมพร นั้นเช่นเดียวกัน จะต้องมุ่งเน้นการพัฒนาการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย และสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรกรรมและบริโภคได้ นอกจากนี้ จะต้องเร่งส่งเสริมเรื่องวิสาหกิจชุมชนและการบริหารจัดการทรัพยากรในท้องถิ่น โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้ดีขึ้น รวมถึงหน่วยงานของภาครัฐ ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อวางแนวทางการดำเนินงานและการพัฒนาพื้นที่ อันได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี สงขลา กับกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง สตูล ประกอบด้วย โครงการทั้ง 4 ด้าน คือ การพัฒนาโครงข่ายเส้นทางให้สามารถเชื่อมโยงเครือข่าย ใช้เป็นประโยชน์ ในการเป็นประตูส่งสินค้าออกไปทางฝั่งตะวันตก (Western Gateway) สำหรับเชื่อมต่อพื้นที่ทั้งแนวตะวันออก - ตะวันตก และแนวเหนือ - ใต้ รวมถึงประเทศจีนมีทั้งการขยาย ทางหลัก การก่อสร้างใหม่ การสร้างถนนเชื่อมสองฝั่งทะเล รวมถึงการเร่งรัดการก่อสร้างและพัฒนาถนนเลียบชายหาดอ่าวไทย และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านขนส่งและระบบโลจิสติกส์ในพื้นที่

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเพื่อเติมว่า การผลิตและสร้างมูลค่าการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ในการพัฒนาทั้งการแปรรูปการเกษตร การประมง เพื่อที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มพัฒนาฐานอุตสาหกรรมชีวภาพ (Bio Base Industry) ที่ต่อยอดจากการผลิตน้ำมันปาล์ม ให้มีมูลค่าสูงขึ้น รวมถึงการยกระดับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ ให้เป็นศูนย์กลางของงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับปาล์มน้ำมันและยางพารา เพื่อยกระดับเกษตรกรรายย่อยให้มีขีดความสามารถในการผลิตสินค้าเกษตรและแปรรูปให้มากขึ้น การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำแห่งใหม่กับแหล่งท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงเลียบชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ให้เชื่อมโยงกับทะเลอันดามัน (Royal Coast Andaman Cruise) เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หรือ “ริเวียร่าเมืองไทย” รวมถึงการท่องเที่ยวเพื่อจะรักษาความปลอดภัยเมืองท่องเที่ยวหลักโดยประยุกต์เทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งทางบกและทางน้ำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการศึกษาแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ป่าไม้ และป่าชายเลน (Green and Culture) ตลอดจนการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเลที่สุราษฎร์ธานี การบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม รวมถึงการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ในจังหวัดพังงาและจังหวัดระนอง ตามลำดับ

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำอีกว่า ด้านโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ในจังหวัดชุมพร ซึ่งสร้างขึ้นเป็นแก้มลิงธรรมชาตินั้น นอกจากจะช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในจังหวัดชุมพร และเป็นแหล่งน้ำสำรองสำหรับการเกษตรกรรม และผลิตน้ำประปาหล่อเลี้ยงชุมชนในอนาคตแล้วยังสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนได้อีกด้วย โดยเฉพาะหนองใหญ่นี้ ได้มีเกาะกลางน้ำที่เกิดจากการนำดินจากการขุดบึง ปรับแก้มลิง มาถมจนเป็นเกาะอยู่กลางน้ำ รวมทั้งมีการนำไม้ยืนต้นพันธุ์ภาคใต้ที่ใกล้สูญพันธุ์มาปลูกไว้หลายชนิด เป็นที่อยู่อาศัยของนกและกวาง มีการสร้างสะพานไม้เคี่ยมที่สวยงามเชื่อมต่อระหว่างเกาะกับฝั่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เดินชมทัศนียภาพได้อีกด้วย

ตอนท้ายของรายการฯ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ภาคใต้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ผ่านการก่อสร้างโรงพยาบาลเพิ่มเติม โดยดูความเหมาะสมในเรื่องของพื้นที่ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในเครื่องมือรักษาพยาบาลและคุณภาพการบริการของโรงพยาบาล ตลอดจนการสนับสนุนการดำเนินงาน OTOP Academy เพื่อส่งเสริมความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยจะพิจารณาในเรื่องความพร้อมของบุคลากรและรูปแบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป

……………………………………………………

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ