สรุปประเด็น นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2561

ข่าวทั่วไป Friday August 31, 2018 13:55 —สำนักโฆษก

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนผ่านรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2561 เวลา 20.15 น. ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ได้รับรางวัลการบริหารจัดการที่ดีและที่ผ่านเกณฑ์การประเมินผลอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ เพื่อเป็นการจูงใจและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศ ให้มีการพัฒนาการบริหารจัดการท้องถิ่นของตนเองทั้งการจัดบริการสาธารณะ หรือกิจกรรมสาธารณะ ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและจากกุศโลบายดังกล่าวจะก่อให้เกิดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้นแบบ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีแนวทางปฏิบัติที่ดี อีกทั้งยังจะเสริมสร้างความกระตือรือร้นในการใช้ความคิด ความรู้ความสามารถ เพื่อจะสร้างศักยภาพหรือยกระดับความสามารถของตนในการพัฒนางาน พัฒนาคน และการมีส่วนร่วมในแต่ละท้องถิ่นให้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งเสริมสร้างให้เกิดรากฐานที่ดี เพื่อจะเดินไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการเกษตร ซึ่งเปรียบเสมือนรากฐานที่สำคัญของประเทศ ถ้ารากต้นไม้แข็งแรง ต้นไม้ จึงจะเติบโตแผ่กิ่งก้านใบออกดอกติดผลได้ดีหรือการสร้างความเข้มแข็งผ่านองค์กรเกษตรกร โดยปัจจุบันกลุ่มเกษตรกรที่เข้มแข็ง ได้แก่ Smart Farmer ซึ่งเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ Young Smart Farmer ที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพแล้ว พร้อมทั้ง มีอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) ที่คอยสนับสนุนงานทั่วประเทศกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร และสมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกรทั้งประเทศ นอกจากนี้ยังมีศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในสินค้าเกษตร (ศพก.) ที่มีเกษตรกรต้นแบบ โดยทั้งหมดเป็นผลมาจากการพัฒนางานการเกษตรมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พี่น้องชาวเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

สำหรับนโยบายเรื่องข้าวที่ถือว่าเป็นพืชอาหารหลักของเกษตรกร พร้อมมีแนวทางการส่งเสริม และสนับสนุนให้ทำการเกษตรแบบรวมกลุ่มที่เรียกว่า ระบบส่งเสริมการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ ได้มีการบริหารจัดการแปลงอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การผลิตมีศักยภาพสูงสุดได้ผลผลิตสูง คุณภาพดี มีต้นทุนการผลิตลดลง อีกทั้งมีการเชื่อมโยงตลาดเข้ากับการผลิต เพื่อสร้างเสถียรภาพและความเชื่อมั่น ทำให้กลุ่มมีความเข้มแข็งขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาด ทั้งของวิสาหกิจชุมชนด้านข้าวและสหกรณ์การเกษตร ขณะนี้มีชาวนาที่ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการ นาแปลงใหญ่ ซึ่งในปีงบประมาณ 2562 มีแผนที่จะขยายพื้นที่เพื่อให้เป็นผลดีต่อชาวนาเพิ่มขึ้น โดยให้ความสำคัญกับศูนย์ข้าวชุมชนเป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นองค์กรชาวนาที่มีความเข้มแข็ง มั่นคงและเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาข้าวและชาวนาในแต่ละท้องถิ่นอีกด้วย

ในโอกาสเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมมือกับกรุงเทพมหานครได้จัดงานเกษตรสร้างชาติขึ้น ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม - 2 กันยายน 2561 นี้ ณ สวนลุมพินี ซึ่งภายในงานจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจมหภาค รวมทั้งการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ให้กับพี่น้องประชาชน โดยการส่งเสริมให้เกษตรกรพัฒนายกระดับสินค้าเกษตรและเข้าสู่การแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากตลาดท้องถิ่นและตลาดภูมิภาคสู่ตลาดต่างประเทศและตลาดออนไลน์ เพื่อเปิดโอกาสในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันทั้งเกษตรกรผู้ผลิตและผู้บริโภคให้มีการกระจายตัวของรายได้มากขึ้น ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคได้โดยตรง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการ นักธุรกิจและผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมในงานดังกล่าว เพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำถึง ด้านการจัดให้มีบริการบัญชีเงินฝากพื้นฐาน ซึ่งเป็นระบบการบัญชีเงินฝากแบบใหม่ที่ธนาคารต่าง ๆ จะให้บริการแก่ประชาชนโดยการเปิดบัญชีไม่จำเป็นต้องมีเงินไปฝากไม่มีค่าธรรมเนียมรักษาบัญชี อีกทั้ง ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปีในการมีบัตร ATM หรือบัตรเดบิตและค่าธรรมเนียม ที่จะไม่สูงกว่าการทำธุรกรรมแบบเดียวกัน โดยผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ในการเปิดบัญชีเงินฝากพื้นฐานดังกล่าว แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป โดยต้อง มีสัญชาติไทย สำหรับมาตรการนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับความเป็นอยู่ของผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงบริการทางการเงินที่มีต้นทุนต่ำกว่าเดิม ซึ่งจากการศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยผลการสำรวจภาคครัวเรือน พบว่ามีครัวเรือนประมาณร้อยละ 30 ที่ยังไม่สามารถเปิดบัญชีเงินฝากหรือไม่ได้ใช้บริการเงินฝากได้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้มีการโอนเงินและการชำระเงิน เพื่อทำการค้าขายหรือทำธุรกรรมจะผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้น นอกจากนี้การโอนเงินสวัสดิการต่าง ๆ ให้กับพี่น้องประชาชนในระยะต่อไป จะสามารถทำผ่านระบบออนไลน์ไปยังบัญชีธนาคารของแต่ละคนโดยตรงได้อีกด้วย

ตอนท้ายของรายการฯ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึง การเพิ่มรายได้และกระจายรายได้เสริมสร้างความเข้มแข็ง พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในระยะยาวอย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย โดยไม่หวังเพียงผลในระยะสั้นหรือเลือกทำในสิ่งที่ง่ายและเห็นผลเร็วเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องทำไปพร้อม ๆ กัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคประชาสังคมด้วยในรูปแบบประชารัฐตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การสร้างความเข้าใจและความร่วมมือร่วมใจ สร้างไทยไปด้วยกันได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

............................................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ