ผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) ครั้งที่ 2/2561

ข่าวทั่วไป Wednesday September 5, 2018 14:41 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีย้ำแผนในการจัดทำโครงการงบประมาณ ต้องสอดคล้องกับแผนแม่บท ยุทธศาสตร์ชาติ ความต้องการของประชาชนและพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ และยกระดับประชาชนให้พ้นจากความยากจน

วันนี้ (5 ก.ย.61) เวลา 09.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) ครั้งที่ 2/2561 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเน้นย้ำถึงการทำงานในห้วงต่อไปว่า แผนในการจัดทำโครงการงบประมาณต้องมีความชัดเจนและง่ายในการบริหาร โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาในภายหลัง รวมทั้งต้องมีความสอดคล้องกับแผนแม่บทและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ และการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดผลสัมฤทธิ์ไปสู่วิสัยทัศน์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้คือมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณต้องมีความสอดคล้องกันทั้งของส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น และปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและพื้นที่ โดยสิ่งสำคัญคือทำอย่างไรจะเพิ่มศักยภาพของพื้นที่เกิดขึ้นมาให้ได้ และให้เกิดการเชื่อโยงอย่างไร้รอยต่อครอบคลุมในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านกายภาพ กฎ ระเบียบ หรือกฎหมายต่าง ๆ เป็นต้น ขณะเดียวกันให้นำข้อมูล Big Data ทั้งเรื่องความเหลื่อมล้ำ และโอกาสที่มีอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ มาวิเคราะห์ประกอบการพิจารณาเพื่อกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณในการจัดทำแผนงานโครงการ ตลอดจนการเพิ่มมูลค่าและเชื่อมโยงห่วงโซ่ พื้นที่ ประชาชนในแต่ละอาชีพและรายได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม การใช้การตลาดนำการผลิต ทั้งนี้เพื่อยกระดับประชาชนให้พ้นจากความยากจนให้ได้โดยเร็วที่สุด และให้ประชาชนมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต รองรับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต เพื่อร่วมพัฒนาประเทศไปด้วยกัน

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เปิดเผยถึงผลการประชุมฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ฉบับทบทวน โดยมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี แผนแม่บท แผนปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาฯ ฉบับที่12 และนโยบายรัฐบาล รวมทั้งให้ความสำคัญกับแผนพัฒนาภาค เป็นแผนชี้นำการพัฒนาในภาพรวมของพื้นที่ ให้ความสำคัญกับกระบวนการจัดทำแผนอย่างมีส่วนร่วม การประสานแผนในระดับพื้นที่ให้สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของประชาชน โดยปรับระยะเวลาการจัดทำแผนเป็น 5 ปี จากปี 2561 – 2565

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมเห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยจะต้องมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และแนวทางการพัฒนาตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด สำหรับลักษณะโครงการที่ดำเนินการควรครอบคลุมประเด็นการพัฒนาสำคัญ มีความเชื่อมโยงตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง มีความพร้อมดำเนินการทุกด้าน และไม่เป็นการจัดซื้อครุภัณฑ์เพื่อแจกจ่ายประชาชนหรือใช้งานตามภารกิจปกติ ไม่เป็นค่าใช้จ่ายซ่อมแซม ปรับปรุง หรือก่อสร้างอาคารสถานที่ของส่วนราชการ เป็นต้น ส่วนการจัดทำแผนปฏิบัติการภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ให้ความสำคัญกับโครงการมีผลประโยชน์ต่อประชาชนในวงกว้างและเกิดผลกระทบในระดับภาค

รวมทั้ง ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จำนวน 28,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการจัดสรรระหว่างจังหวัด : กลุ่มจังหวัด เป็น 70 : 30 โดยเป็นงบประมาณสำหรับดำเนินโครงการของจังหวัด 19,600 ล้านบาท และกลุ่มจังหวัด 8,400 ล้านบาท และงบประมาณในการบริหารงานจังหวัด 695 ล้านบาท กลุ่มจังหวัด 89 ล้านบาท ทั้งนี้ มอบให้ฝ่ายเลขานุการฯปรับหลักเกณฑ์การจัดสรรกรอบงบประมาณกลุ่มจังหวัดให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และนโยบายสำคัญของรัฐบาล

พร้อมเห็นชอบหลักเกณฑ์การเปลี่ยนแปลงโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561-2562 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยให้ อ.ก.บ.ภ. พิจารณาเฉพาะโครงการใหม่ที่ไม่อยู่ในแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด หรือโครงการเดิมที่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของโครงการ อีกทั้งที่ประชุมมีมติเห็นชอบปฏิทินการจัดทำแผนพัฒนาและแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยกำหนดให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดส่งแผนพัฒนา และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในเดือนธันวาคม 2561 และ ก.บ.ภ. พิจารณาให้ความเห็นชอบภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (อ.ก.บ.ภ.) ทั้ง 5 คณะ 6 ภาค ซึ่งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณากลั่นกรองการขอโอนเปลี่ยนแปลงโครงการและงบประมาณรายจ่ายตามแผนปฏิบัติราชการประจำปี พ.ศ. 2559-2561 และมีการจัดประชุมระดมความคิดเห็นต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาภาค (Regional forum) โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่า 1,800 คน มีการเสนอแผนงานโครงการเบื้องต้นจำนวน 1,899 โครงการ วงเงินรวม 216,126 ล้านบาท

รวมทั้ง รับทราบ รายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตและแก้ไขปัญหาความยากจน ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีสัดส่วนประชากรยากจนมากเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ โดยมีข้อเสนอโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการพัฒนาแม่ฮ่องสอน จำนวน 99 โครงการ วงเงิน 3,693 ล้านบาท และแผนพัฒนากาฬสินธุ์ จำนวน 93 โครงการ วงเงิน 7,774 ล้านบาท ผลการดำเนินงานมีความก้าวหน้าเป็นรูปธรรมหลายเรื่อง อาทิ การปลดล็อคข้อจำกัดด้านที่ดินทำกิน การแก้ปัญหาหนี้สิน การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน แหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำเพื่อการเกษตร การพัฒนาอาชีพและผลิตภัณฑ์ชุมชนที่โดดเด่น ตลอดจนมีการสร้างสรรค์แหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ให้มีความเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้พื้นที่ได้อย่างยั่งยืน

--------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ