รอง นรม. พล.อ.อ.ประจินฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาล พร้อมขับเคลื่อนการจัดตั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการเรียนรู้ของประชาชนอย่างยั่งยืน

ข่าวทั่วไป Friday September 21, 2018 14:03 —สำนักโฆษก

สรุปประเด็นนายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ที่ 21 กันยายน 2561

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนผ่านรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 21 กันยายน 2561 เวลา 20.15 น. ในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี

ในวันที่ 20 กันยายนของทุกปีจะเป็นวันเยาวชนแห่งชาติ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี 2 พระองค์ ซึ่งเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติในฐานะยุวกษัตริย์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ซึ่งรัฐบาลนี้ ได้ให้ความสำคัญอย่างมาก ในการที่จะส่งเสริมให้เยาวชน ได้มีพื้นที่ในการทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เจริญเติบโตสมตามวัย ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และมีความเข้าใจในการดำรงชีวิต ตามกฎระเบียบของสังคม ด้วยแนวคิด “เด็กคิด เด็กนำ เด็กทำ ผู้ใหญ่หนุน” อีกทั้ง มุ่งเน้นให้เยาวชน หนุ่มสาว ได้ตระหนักถึงความสำคัญของตนเอง ที่จะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต ภายใต้แนวคิด “ร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันพัฒนา ใฝ่หาสันติ” เพื่อที่จะให้เยาวชน ซึ่งเป็นวัยที่มีพลัง กล้าคิด กล้าแสดงออก พร้อมที่จะเติบใหญ่เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของประเทศ โดยการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างคุณประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคม อาทิ กิจกรรมจิตอาสา ที่ส่งเสริมการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ พร้อมเป็นพลเมืองที่ดีมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมในอนาคต ทั้งนี้ วันเยาวชนแห่งชาติ ในปีนี้ ภายใต้หัวข้อ “ภูมิธรรม ภูมิไทย เยาวชนรุ่นใหม่ภูมิใจแผ่นดินเกิด” ซึ่งเป็นการนำเสนอกิจกรรมหรือเรื่องราวคุณความดีของเยาวชนที่ได้เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ โดยสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพ ความร่วมมือร่วมใจกันของทุกคนทุกฝ่าย และความภาคภูมิใจ ที่ได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ณ ภูมิลำเนาของตน ในแต่ละจังหวัด ทั่วพื้นแผ่นดินไทย ซึ่งจะเป็นการจุดประกายแห่งพลังความรู้รักสามัคคีให้เกิดขึ้นในสังคม

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 ก.ย. 61) นายกรัฐมนตรีได้ไปตรวจราชการที่จังหวัดลพบุรีและได้ไปเยี่ยมชมโครงการบ้านสุขภาวะผู้ป่วยเรื้อรังและผู้สูงอายุ ที่ตำบลเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี โครงการซึ่งเป็นต้นแบบที่ดีอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย ที่ดำเนินการดูแลพี่น้องประชาชนของเขาเอง โดยเพิ่งได้รับรางวัลที่ 2 ของ United Nations Public Service Award ในสาขานวัตกรรมและความเป็นเลิศของการให้บริการด้านสุขภาพของเอเชียและเอเชียแปซิฟิก ก็เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ท้องถิ่นอื่น ๆ ที่นายกรัฐมนตรีเลือกไปที่ตำบลเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี เพราะประเทศของเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ซึ่งปัจจุบันมีผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปีมากกว่า 10 ล้านคน หรือประมาณ 15% ของประชากรทั้งหมด และกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าอีกประมาณ 10 ปี จะมีจำนวนเพิ่มเป็น 20 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ

รัฐบาลจึงได้เตรียมการที่จะช่วยเหลือผู้สูงอายุเหล่านั้น โดยปลายเดือนนี้ คณะกรรมการกระจายอำนาจ จะได้มอบเรื่องการจัดจ้างนักบริบาลชุมชนที่จะมาดูแลผู้สูงอายุในภาวะติดเตียง ให้เป็นหน้าที่ของท้องถิ่น เพื่อให้เขาสามารถได้รับบริการเรื่องได้อย่างทั่วถึง และตรงจุด โดยกระทรวงสาธารณสุขจะได้เตรียมเรื่องหลักสูตรที่เหมาะสมให้กับนักบริบาลชุมชนเหล่านี้ต่อไป ทำให้ผู้สูงอายุที่เป็นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย จะได้รับการดูแลที่เหมาะสม มีสุขภาวะที่ดี แข็งแรง และทุกครอบครัวก็จะมีความสุขมากขึ้น เป็นการคืนความสุขให้กับคนไทยอีกทางหนึ่ง

การลงพื้นที่ครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี จึงได้เห็นตัวอย่างของการพัฒนาในหลากหลายมิติที่ไม่ได้แค่เข้ามาลบร่องรอยแห่งความขัดแย้งได้อย่างสมบูรณ์ แต่ยังสร้างความเจริญให้กับพื้นที่อย่างเห็นได้ชัดจนเป็นสังคมสมานไมตรี ในการจะพัฒนาชุมชนให้ก้าวไปข้างหน้า รวมถึงการบริหารจัดการการท่องเที่ยวชุมชน รวมทั้งนวัตวิถีตามแนวทางประชารัฐที่อำเภอเชียงคาน ได้เห็นถนนคนเดินที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดตาและคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมพื้นบ้านอย่างมีเอกลักษณ์ ก็สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยนั้น สามารถจะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก ขณะเดียวกันในส่วนของจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มีการจัดการโครงการชุมชนไม้มีค่าชตามนโยบายของรัฐบาล ที่จะเป็นการสนับสนุนให้พี่น้องประชาชน มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจได้ ในวันข้างหน้าด้วยการปลูกไม้มีค่าบนพื้นฐานของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ ดังคำกล่าวที่ว่า “ประเทศได้ป่า ประชาได้หลักทรัพย์” ภายใต้สัญลักษณ์ “กรีน มาร์เก็ต” โดยคนในชุมชนของจังหวัดเพชรบูรณ์ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่ม เปลี่ยนจากกรอบแนวคิดแบบเดิมที่มีต้นทุนการผลิตสูง จากการใช้สารเคมีถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายทุน พ่อค้าคนกลาง เป็นแนวคิดใหม่ที่สร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร โดยสร้างพ่อค้าคนกลางของเกษตรกรขึ้นมาเอง เพื่อให้เกษตรกรและตลาดได้มีความเชื่อมโยงกันโดยตรง และเป็นการแข่งขันกับพ่อค้าคนกลางที่เป็นเอกชนทั่วไป สร้างอำนาจต่อรองควบคุมกลไกการตลาดได้

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำอีกว่าด้านการเกษตรรัฐบาลได้มีการพิจารณาเร่งรัด พร้อมสนับสนุนดำเนินการด้านแหล่งน้ำ เพื่อการเกษตรและการแก้ปัญหาอุทกภัยอย่างเป็นระบบ รวมทั้งด้านการยกระดับผลผลิตและการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตในพื้นที่พร้อมจัดตั้งศูนย์พัฒนาต่อยอดนวัตกรรมไม้ผลและพืชผักเศรษฐกิจภาคเหนือ รวมทั้ง ก่อตั้ง Excellent Center เพื่อวิจัยและพัฒนาความรู้ สำหรับส่งเสริม SMEs ตลอดจนมีการประกาศให้กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เป็นคลัสเตอร์ยางพารา (Rubber Economic Cluster) เพื่อสนับสนุนให้มีการพัฒนาเรื่องยางพาราอย่างครบวงจร นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุน ด้านการท่องเที่ยว โดยมีการศึกษาการนำ Digital Platform มาใช้ในการยกระดับการท่องเที่ยวและการเกษตรปลอดภัย รวมไปถึงการพัฒนาผู้ประกอบการที่สามารถใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม พร้อมทั้ง จัดทำแผน เพื่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างครบวงจรและเชื่อมโยงด้วย

นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ในยุคดิจิทัลจะเป็นกลจักรสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนพี่น้องประชาชน เยาวชน ผู้ประกอบการ และทุกคนที่สนใจมาเยี่ยมชมงาน Digital Thailand Big Bang 2018 ภายใต้แนวคิด “Thailand BIG DATA โลกเปิด เราปรับ ประเทศเปลี่ยน” โดยสามารถนำ BIG DATA มาผนวกกับนวัตกรรมดิจิทัลต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในภาพรวม ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 - 23 กันยายน นี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ในตอนท้ายของรายการฯ นายกรัฐมนตรีขอเป็นกำลังใจและขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยช่วยส่งกำลังใจไปถึงแนวหน้าของเรา ทั้งอาสาสมัครทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดน ทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ ฐานปฏิบัติการตามแนวตะเข็บชายแดน หรือแนวพื้นที่ห่างไกล เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายต่าง ๆ ขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีสวัสดิภาพและสามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมเกียรติ สมดังอุดมการณ์ “รักชาติ รักแผ่นดิน” ของทุก ๆ คน ขอให้ช่วยกันเป็นหู เป็นตา ช่วยกันดูแลบ้านเมืองของเรา หากพบเห็นสิ่งผิดปกติสามารถแจ้ง สายด่วน 191 หรือพบอุบัติเหตุฉุกเฉินโทรสายด่วน 1669 ทั้ง 2 เบอร์ ที่จำง่ายและใช้ได้ทุก ๆ พื้นที่ทั่วประเทศ

…………………………………………………….

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ