ไทยย้ำ ภาคเอกชนคือกลไกสำคัญที่จะทำให้เอเปคบรรลุเป้าหมายในการเข้าถึงผลประโยชน์จากยุคดิจิทัลอย่างครอบคลุมและยั่งยืน

ข่าวทั่วไป Saturday November 17, 2018 14:48 —สำนักโฆษก

ไทยย้ำ ภาคเอกชนคือกลไกสำคัญที่จะทำให้เอเปคบรรลุเป้าหมายในการเข้าถึงผลประโยชน์จากยุคดิจิทัลอย่างครอบคลุมและยั่งยืน

วันนี้ (17 พฤศจิกายน 2561) ในช่วงบ่าย ณ เอเปคเฮ้าส์ (APEC Haus) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการหารือเต็มคณะระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC)

โดยภายหลังการหารือเต็มคณะ นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมหารือกลุ่มย่อย เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนและหารือในหลายประเด็น โดยมีสมาชิกที่เป็นผู้แทนจากประเทศไทย คือ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ABAC ไทย เข้าร่วมการหารือด้วย

การพบหารือกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC) ในการประชุมเอเปคครั้งนี้แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ซึ่งไทยอยู่ในกลุ่มที่ 2 โดยนายกรัฐมนตรีได้ร่วมหารือกับผู้นำจากเขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา และพบกับสมาชิก ABAC ซึ่งเป็นผู้แทนธุรกิจจากอีก 7 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ปาปัวนิวกินี รัสเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางเกี่ยวกับความสำคัญของการมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและสารสนเทศที่ครอบคลุมทั่วถึง โดยรัฐบาลไทยได้พัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อรองรับนโยบายประเทศไทย 4.0 เช่น การติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อรองรับ EEC รวมทั้งการปรับปรุงกฎระเบียบและมาตรการเพื่อส่งเสริมการได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ยุคดิจิทัล และรับมือกับความท้าทายที่ตามมา โดยเฉพาะความปลอดภัยทางไซเบอร์

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อปรับปรุงระบบการศึกษา การฝึกทักษะ และการวิจัย เพื่อให้ทันต่อความต้องการของตลาดแรงงานและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยภาคเอกชนถือเป็นปัจจัยหลักและปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เอเปคสามารถบรรลุเป้าหมายในการเข้าถึงผลประโยชน์จากยุคดิจิทัลอย่างครอบคลุมและยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ABAC สามารถมีส่วนช่วยโดยการหยิบยกประเด็นความท้าทายจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ ซึ่งมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง และสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับผู้นำกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งไทยมีแนวคิดที่จะร่วมมือกับทุกฝ่าย เพื่อรับมือกับความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประชาคมโลก ตามความตกลงปารีส รวมทั้งยินดีแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติอันเป็นเลิศระหว่างกันเกี่ยวกับการทำประมงอย่างยั่งยืนและการแก้ไขปัญหา IUU และร่วมสร้างหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านความร่วมมือในสาขาต่างๆ โดยไทยพร้อมที่จะนำเสนอหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SEP for SDGs)

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ