นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยม การพัฒนาสวนป่าเบญจกิติ ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 แหล่งโอโซนขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ สร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ข่าวทั่วไป Wednesday March 20, 2019 15:59 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมการพัฒนาสวนป่าเบญจกิติระยะที่ 2-3 ชื่นชมการดำเนินงานของยาสูบฯ ระบุขอให้ช่วยกันรักษาสืบสานต่อยอดขยายดำเนินการ ให้คนรุ่นต่อไปได้ใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน-ขอให้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางปฏิบัติและดำเนินชีวิต

วันนี้ (20 มี.ค.62) เวลา 08.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่การยาสูบแห่งประเทศไทย เพื่อตรวจเยี่ยมการพัฒนาสวนป่าเบญจกิติภายในพื้นที่โรงงานยาสูบเดิมบริเวณที่จะสร้างสวนป่าระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยระยะที่ 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จและส่งมอบภายในปี พ.ศ. 2562 และการดำเนินการในระยะที่ 3 คาดว่าจะส่งมอบประมาณเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563 พื้นที่รวมทั้งสิ้น 320 ไร่ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ของรัฐบาลปัจจุบัน ด้านที่ 5 ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กำหนดเป้าหมายพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่าร้อยละ 55 โดยแบ่งเป็นพื้นที่สีเขียวที่เป็นป่าธรรมชาติ ร้อยละ 35 พื้นที่สีเขียวเพื่อการใช้ประโยชน์ ร้อยละ 15 และป่าในเมืองและพื้นที่สีเขียวเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจและเพื่อการเรียนรู้ ร้อยละ 5 โดยมี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย คณะผู้บริหารการยาสูบแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นพร้อมมอบดอกกุหลาบสีแดงให้กับนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นกำลังใจด้วย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับความเป็นมาของการสร้างสวนป่าเบญจกิติระยะที่ 1 และความก้าวหน้าในการสร้างสวนป่าเบญจกิติระยะที่ 2 และระยะที่ 3 โดยผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย สรุปดังนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2535 โรงงานยาสูบได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินเพื่อสร้างสวนน้ำ สวนป่าในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 79 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554 โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2547 และได้พระราชทานชื่อสวนน้ำแห่งนี้ว่า “เบญจกิติ” ซึ่งส่วนแรกที่ได้ดำเนินการก่อสร้างมีพื้นที่ 130 ไร่ เป็นสวนน้ำสมัยใหม่ เน้นการออกแบบเพื่อเป็นที่พักผ่อนของประชาชนและเป็นที่ออกกำลังกาย รวมทั้งยังมีทัศนียภาพที่งดงามจากน้ำพุ น้ำตก และเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร ต่อมาในเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2559 เริ่มก่อสร้างสวนป่าเบญจกิติส่วนที่ 2 ระยะที่ 1 ในพื้นที่ของโรงงานยาสูบ จำนวน 61 ไร่ แล้วเสร็จเมื่อ 2 สิงหาคม 2559 โดยเน้นการปลูกพันธุ์ไม้ยืนต้น พันธุ์ไม้หายาก พันธุ์ไม้ประจำจังหวัด 77 จังหวัด รวมกว่า 30,000 ต้น ส่วนที่ดินสวนป่า “เบญจกิติ” ส่วนที่ 2 ระยะที่ 2 ส่วนที่เหลือจะส่งมอบในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2562 เนื้อที่ประมาณ 131 ไร่ และส่งมอบที่ดินเพื่อสร้างสวนป่า“เบญจกิติ” ส่วนที่ 2 ระยะที่ 3 จะส่งมอบประมาณเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2563 เนื้อที่ประมาณ 128 ไร่ รวมพื้นที่ส่งมอบทั้งหมด เนื้อที่ประมาณ 320 ไร่ และใช้งบประมาณของการยาสูบแห่งประเทศไทย ในกรอบวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การก่อสร้างสวนแห่งนี้ประกอบไปด้วยสวนน้ำเบญจกิติ 130 ไร่ สวนป่าเบญจกิติ 320 ไร่ เมื่อแล้วเสร็จ จะมีพื้นที่รวมกว่า 450 ไร่ สำหรับสวนขนาดใหญ่กลางกรุงแห่งนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่ของโรงงานยาสูบเดิม การออกแบบสอดคล้องกับต้นไม้เดิมในพื้นที่ โดยการออกแบบให้ปลูกพรรณไม้ที่มีลักษณะต้นสูงโปร่งและใบหนาทึบ เพื่อความร่มรื่น และคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนที่เข้ามาใช้บริการอีกด้วย

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่ได้มาสวนป่าเบญจกิติ และมาพบกับประชาชนและเจ้าหน้าที่การยาสูบแห่งประเทศไทย พร้อมกล่าวขอบคุณการยาสูบแห่งประเทศไทยที่ดำเนินการพัฒนาสวนป่าเบญจกิติ ซึ่งสอดคล้องกับรัฐบาลที่มีนโยบายที่จะสร้างปอดให้กับกรุงเทพมหานครให้มากยิ่งขึ้นและให้ดำเนินการทุกจังหวัดทั่วประเทศ และพัฒนาสวนสาธารณะให้ดีขึ้น โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานโครงการต่าง ๆ ไว้มากแล้ว และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงพระราชทานกับนายกรัฐมนตรี ขอให้สืบสานรักษาต่อยอด สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้ และทำต่อไปให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้ที่ดำเนินการอยู่เป็นการต่อยอดสิ่งที่ทั้งสองพระองค์ได้พระราชทานไว้ พร้อมกันนี้นายกรัฐนตรีได้มอบการบ้านให้เจ้าหน้าที่การยาสูบแห่งประเทศไทยทุกคน ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสืบค้นข้อมูลต่าง ๆ แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับใช้ในการทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและประชาชน

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและทันกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง พร้อมกับแนะนำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปลูกต้นไม้และไม้ดอกจัดเป็นกลุ่มให้น่าสนใจ เพื่อดึงดูดคนให้เข้ามาใช้บริการในสวนมากขึ้น รวมทั้งต้องมีการพัฒนาให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล โดยใช้ดิจิทัลและโซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์ สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและผู้บริโภค ตลอดจนขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาสิ่งที่มีอยู่ สืบสานต่อยอดขยายดำเนินการต่อเพื่อให้คนรุ่นต่อไปได้ใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และขอให้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางปฏิบัติและดำเนินชีวิต พร้อมฝากให้ทุกคนมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด ซึ่งในส่วนของรัฐบาลก็จะมีการจัดระเบียบร้านค้าและตลาดในพื้นที่ต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น อีกทั้งฝากให้ทุกคนทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจ ทำเพื่อประชาชนภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ และต้องคิดใหม่ให้สามารถตอบสนองโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะปัจจุบัน คนหันมาให้ความสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น การดำเนินการต้องสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และให้มีการสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับประชาชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายที่กำหนด

นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอขอบคุณประชาชนและเจ้าหน้าที่การยาสูบแห่งประเทศไทยทุกคนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและร้องเพลง Happy birthday อวยพรวันเกิดให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งตรงกับวันที่ 21 มีนาคม และในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่ารัฐบาลดูแลประชาชนทุกกลุ่ม ขอความร่วมมือให้ทุกคนให้ความสำคัญและมีส่วนร่วมในการเสียภาษีเพื่อจะได้นำรายได้มาพัฒนาประเทศให้ดีขึ้นต่อไป พร้อมกล่าวว่า ถ้าต้องการความรักจากใคร ก็ต้องมีความรักให้คนอื่นด้วย เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีที่นอกจากมีความรักให้กับคนในครอบครัวแล้วก็มีความรักให้กับประชาชนทุกคนทั้งประเทศ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ออกเดินทางไปยังสถานีกลางบางซื่อ เพื่อตรวจติดตามโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต ต่อไป

--------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ