นายกรัฐมนตรีติดตามความคืบหน้า การก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์ และยางล้อแห่งชาติ จ.ฉะเชิงเทรา รองรับ EEC สู่ศูนย์กลางยานยนต์แห่งแรกของอาเซียน

ข่าวทั่วไป Wednesday March 20, 2019 16:02 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ จ.ฉะเชิงเทรา ยืนยันขับเคลื่อนโครงการอย่างต่อเนื่อง เร่งรัดดำเนินการระยะที่ 2 ให้แล้วเสร็จ รองรับ EEC สู่ศูนย์กลางยานยนต์แห่งแรกของอาเซียน

วันนี้ (20 มี.ค. 62) เวลา 13.30 น. ณ ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ โดยมี พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์และยางล้อ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมในครั้งนี้

สำหรับศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไปสู่การเป็น Super Cluster อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ตลอดจนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ดำเนินโครงการเพื่อให้บริการทดสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อมาตรฐาน UN R117 และยางล้อทุกประเภท รวมถึงเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นประเทศเป้าหมายของการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอนาคต เอื้อให้เกิดการลงทุนในกิจกรรมการวิจัยและพัฒนายานยนต์ต้นแบบ และชิ้นส่วนยานยนต์ต้นแบบ ตามเป้าหมายอุตสาหกรรม S-Curve ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EASTERN ECONOMIC CORRIDOR : EEC) ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ในการสร้างแรงจูงใจให้มีการลงทุนภายในประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วยการพัฒนาให้เป็นประตูสู่การค้าในฐานการผลิต และระบายสินค้าของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ มีแผนการดำเนินงานแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ โครงการระยะที่ 1 ส่วนทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 ประกอบด้วยสนามทดสอบยางล้อและเครื่องมือทดสอบตามมาตรฐาน ทดสอบรายการเสียงจากยางล้อที่สัมผัสผิวถนน การยึดเกาะถนนบนพื้นเปียก และความต้านทานการหมุนของยางล้อ โครงการระยะที่ 2 ส่วนทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 ขณะนี้ได้ออกแบบและปรับพื้นที่เสร็จแล้วเพื่อรองรับการก่อสร้างสนามทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วน รวม 5 สนาม คือ 1) สนามทดสอบสมรรถนะยานยนต์ (Long Distance and High Speed) 2) สนามทดสอบระบบเบรก (Brake Performance) 3) สนามทดสอบระบบเบรกมือ (Park Brake) 4) สนามทดสอบเชิงพลวัต (Dynamic Platform) และ 5) สนามทดสอบการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง (Skid-Pad) ซึ่งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ตั้งบนพื้นที่ 1,235 ไร่ บริเวณเขตสวนป่าลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อให้ผู้ประกอบการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากไม่ต้องส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบและรับรองที่ต่างประเทศ อีกทั้งยังช่วยดึงดูดนักลงทุนอุตสาหกรรมการแปรรูปยางพาราให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้งโครงการ พร้อมเปิดให้บริการแบบครบวงจรได้ในปี 2565 ซึ่งเป็นศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งแรกของเอเชีย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในเอกสารแสดงสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ระยะที่ 2 พร้อมกล่าวมอบแนวทางการดำเนินงานศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติว่า ยินดีที่ได้มาในวันนี้ ถือเป็นการตรวจราชการอีกครั้งหนึ่ง ที่ได้มาติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า โครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาตินี้ ได้มีความพยายามจัดตั้งกันมานานแล้ว จนกระทั่งรัฐบาลนี้ได้เข้ามาบริหารประเทศ จึงให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับผิดชอบดำเนินการจัดตั้งโครงการ ภายใต้งบประมาณ 3,700 ล้านบาทเศษ เพื่อเป็นการสนองนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ทั้งการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อรองรับเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่ออุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งโครงการเหล่านี้เป็นการเตรียมความพร้อมทางโครงสร้างพื้นฐานที่ ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและนวัตกรรม พร้อมกันนี้ ขอฝากผู้ประกอบการให้ดูแลผลงานวิจัยของคนไทยที่อยู่ในสถานศึกษาด้วย

นายกรัฐมนตรียืนยันที่จะขับเคลื่อนโครงการนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเร่งรัดผลักดันให้มีการดำเนินการในระยะที่ 2 ให้แล้วเสร็จ โดยต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อนำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ซึ่งในวันนี้ก็มีความสำเร็จของยางไทย ที่ประเทศโอมานเข้าร่วมโครงการส่งเสริมความร่วมมืออุตสาหกรรมยางด้านนวัตกรรมถนนผสมยางพารา และได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงานต้นแบบถนนยางพารา ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา อีกทั้งมุ่งต่อยอดงานวิจัยพร้อมผลักดันนวัตกรรมถนนยางพาราไทยสู่เวทีโลก ให้ความสนใจเทคโนโลยีการผสมยางสำหรับทำถนนของไทย เนื่องจากถนนลาดยางพารา เป็นนวัตกรรมงานวิจัยที่ไทยพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มกับยางพารา เพราะประเทศไทยมียางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจและผลิตมากที่สุดในโลก ถนนผสมยางพาราได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมระดับชาติ ความโดดเด่นของการนำยางพารามาผสมเพื่อทำถนน จะเป็นการเพิ่มคุณสมบัติการทนความร้อนได้มากกว่าถนนยางมะตอยปกติ และมีค่าความยืดหยุ่นและคืนตัวดีกว่า มีความแข็งแรงและอายุการใช้งานที่มากกว่า ทำให้เหมาะสมกับประเทศในเขตร้อน

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในฐานะนายกฯ จะเป็นสะพานก้าวข้ามไปตามสิ่งที่เรามุ่งหวังไปด้วยกัน เพื่อให้เกิดความสงบสุขและสันติสุขแก่ประเทศไทย และพร้อมจะทำให้ดีที่สุด จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ร้องเพลงจับมือกันไว้ ก่อนทักทายผู้ประกอบการและร่วมถ่ายภาพ

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปยังวัดโสธรวรามวรวิหาร เพื่อสักการะหลวงพ่อพระพุทธโสธร และตรวจราชการติดตามผลการดำเนินงานของจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับแผนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

..............

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ