รองนายกรัฐมนตรี จุรินทร์ฯ เร่งเดินหน้านโยบายเร่งด่วนประกันรายได้เกษตรกร

ข่าวทั่วไป Thursday August 8, 2019 14:26 —สำนักโฆษก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินหน้านโยบายเร่งด่วนประกันรายได้เกษตรกร

วันนี้ (8 สิงหาคม 2562 ) 09.00 น. ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวชี้แจงนโยบายถึงเรื่องเศรษฐกิจฐานราก โดยวานนี้ มอบนโยบายให้กับกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะเร่งดำเนินการ ทั้งการประกันรายได้เกษตรกรในพืชเกษตรสำคัญ 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสัมปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพด โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยหลักประกันรายได้คือชาวสวนปาล์มสามารถนำปาล์มของตนเองไปขายที่ลานเท ที่รับซื้อ หรือที่โรงสกัดน้ำมันดิบที่รับซื้อได้ในราคาตลาด ตรงนี้เป็นรายได้ของเกษตรกรก้อนแรก และรายได้ที่สองคือเกษตรกรสามารถมีรายได้จากการประกันรายได้อีกทางหนึ่งในการรับส่วนต่าง ทั้งนี้เกษตรกรที่จะได้รับสิทธิ์ดังกล่าวจะต้องมาขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงเกษตรหรือกรมส่งเสริมการเกษตร ปัจจุบันมีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนไว้แล้วกว่าร้อยละ 90 ซึ่งหากนโยบายนี้เริ่มต้นได้ เชื่อมั่นได้ว่าชาวสวนปาล์มหรือพืชเกษตรอื่น ๆ ก็จะมีรายได้ 2 ทางเช่นเดียวกัน ซึ่งจะทำให้เกษตรกรและประชาชนมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ

ในกรณีปาล์มยังมีมาตรการเสริมเข้าช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกอื่นๆ เพื่อทำให้ราคาปาล์มในตลาดดีขึ้น รวมไปถึงในเรื่องของมาตรการไบโอดีเซล บี10 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพร้อมที่จะเดินหน้าในเรื่องดังกล่าว โดยจะพยายามกำหนดB10 ทั่วประเทศให้เป็นภาคบังคับ ให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ รวมทั้งจะมีการน้ำผลผลิตปาล์มส่วนเกินไปผลิตไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาปาล์มสูงขึ้นตามราคาตลาด รวมทั้งจะมีการเร่งรัดการส่งออกปาล์มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในตลาดอินเดีย อย่างไรก็ตามต้องมีมาตรการที่จะดูแลในการนำเข้าน้ำมันปาล์มผ่านประเทศไทย ที่จะส่งผลกระทบต่อราคาปาล์มในประเทศ ตลอดจนมาตรการกำกับสต็อกน้ำมันปาล์มให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมีความแม่นยำไม่เกิดการคลาดเคลื่อน ซึ่งจะเป็นประโยชน์เชิงบริหารในการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้กล่าวให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ช่วยดูแลเรื่องมาตรฐานสินค้าการเกษตรที่ส่งออกไปต่างประเทศ มีการกำหนดมาตรการเซฟการ์ด กรณีนำเข้าสินค้าเกษตรมาในปริมาณผิดปกติ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวเพื่อไม่ให้กระทบสินค้าเกษตรภายในประเทศไทยได้ ตลอดจนการเร่งรัดในเรื่องส่งออกสินค้าและบริการท่ามกลางสถานการณ์สงครามการค้าของประเทศมหาอำนาจ โดยยังรักษาตลาดเดิมไว้ และเพิ่มตลาดใหม่ไปพร้อมด้วย รวมไปถึงการเพิ่มมูลค่าชายแดนในกลุ่มประเทศอาเซียน หรือ CLMV เพื่อเพิ่มตัวเลขการส่งออกให้ได้ตามที่กำหนดไว้ ส่งเสริมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะสินค้า GI เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากและเพิ่มช่องทางการค้าทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออกได้ด้วย

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
          ที่มา: http://www.thaigov.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ