วันนี้ (วันอังคารที่ 3 กันยายน 2562) เวลา 08.30 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการระดับสูง(High Level Committee: HLC) ไทย-เมียนมา ครั้งที่ 7 สรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาในโอกาสการเดินทางเยือนไทยเพื่อเป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมการระดับสูง (High Level Committee : HLC) ไทย - เมียนมา ครั้งที่ 7 ที่กรุงเทพฯ เชื่อว่าการประชุมนี้จะประสบความสำเร็จเห็นความร่วมมือเป็นรูปธรรม โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อว่ากลไกสำคัญต่างๆ ที่ได้จัดตั้งขึ้น ระหว่างกองทัพไทยและกองทัพเมียนมา อาทิ คณะกรรมการระดับสูง (High Level Committee :HLC) การประชุม (Regional Border Committee : RBC) และการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (Township Border Committee : TBC) เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความร่วมมือทางทหารของทั้งสองกองทัพ ในการรักษาความสงบเรียบร้อย แก้ไขปัญหาความมั่นคง รวมทั้งปัญหาอื่นๆ ในพื้นที่ชายแดนไทย - เมียนมา เพื่อความมั่นคงปลอดภัย และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจต่อผลกระทบจากอุทกภัยและดินถล่มที่รัฐมอญ เมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2562 ขออวยพรให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติในเร็ววัน
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และยาวนานของทั้งสองประเทศ โดยมีการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือครบถ้วนในทุกด้านอย่างสม่ำเสมอ มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำระดับสูงระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับรัฐบาล และระดับกองทัพ ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดฯ แสดงความยินดี และเชื่อมั่นกับความร่วมมือด้านความมั่นคงกับกองทัพ และรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายกรัฐมนตรีรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วยอีกตำแหน่ง ยินดีที่จะทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ และความเจริญของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ ขอร่วมแสดงความเสียใจต่อการถึงแก่อสัญกรรมของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
ทั้งสองฝ่ายพร้อมสนับสนุนการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดน ได้แก่ การก่อการร้าย ยาเสพติด และการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย โดยเชื่อมั่นว่าปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และความร่วมมือในภูมิภาค พร้อมทั้งเห็นชอบที่จะขยายการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ การศึกษา การฝึกร่วม และขอบเขตการฝึกร่วมของทั้งสองกองทัพ
เมียนมาเชื่อมั่นการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (ADMM) และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ADMM – Plus) ของไทย ในปี 2562 นี้ เชื่อว่าไทยจะมุ่งมั่นเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงให้เกิดขึ้นในอนุภูมิภาค ภูมิภาค และนานาประเทศได้อย่างยั่งยืน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณรัฐบาล และกองทัพเมียนมาที่เป็นมิตรประเทศที่สนับสนุนการดำเนินการต่างๆของไทยเสมอมา
ที่มา: http://www.thaigov.go.th