นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ ให้การพัฒนาธุกิจ SMEs ขับเคลื่อนการพัฒนาทุกระดับ ตั้งแต่เศรษฐกิจฐานราก เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศสู่ความยั่งยืน

ข่าวทั่วไป Thursday November 28, 2019 14:48 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ ให้การพัฒนาธุกิจ SMEs ขับเคลื่อนการพัฒนาทุกระดับ ตั้งแต่เศรษฐกิจฐานราก เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศสู่ความยั่งยืน

วันนี้ (28 พฤศจิกายน 2562) เวลา 16.40 น. ณ ห้องคริสตัล ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก อะ ลักชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีประกาศผลและมอบรางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards และรางวัล SMEs Excellence Award 2019 โดยมี นายธีรนันท์ ศรีหงส์ ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย และศาสตราจารย์ เอียน เฟนวิค ผู้อำนวยการสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวรายงาน

สำหรับ TMA – สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำโครงการ Thailand Corporate Excellence Awards ขึ้นเป็นปีที่ 17 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานรางวัลแก่องค์กรที่มีความเป็นเลิศทางด้านการบริหารจัดการสาขาต่าง ๆ รวม 9 สาขารางวัล ภายใต้วัตถุประสงค์หลักเพื่อประกาศเกียรติคุณแก่องค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการธุรกิจส่งเสริมให้ธุรกิจเอกชนได้ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาการบริหารจัดการให้เป็นเลิศ และสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจที่เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนให้กับประเทศ

พร้อมกันนี้ TMA ได้จัดโครงการ SMEs Excellence Award 2019 ขึ้นเป็นปีที่ 9 โดยปี พ.ศ. 2562 นี้ ถือเป็นปีมหามงคลซึ่ง TMA ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานรางวัลขึ้นเป็นปีแรก โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบการ SMEs ที่มีความเป็นเลิศในเรื่องการบริหารจัดการสร้างความภาคภูมิใจและเป็นกำลังใจให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีขึ้นบนเวทีและยืนด้านข้างพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีผู้ขึ้นรับรางวัลพระราชทานจำนวน 13 ราย จากนั้น นายกรัฐมนตรี มอบรางวัล Thailand Corporate Excellence Awards และ SMEs Excellence Award 2019 จำนวน 48 ราย พร้อมกล่าวแสดงความยินดีความตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมในงานพิธีประกาศผลและมอบรางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards 2019 และรางวัล SMEs Excellence Awards 2019 ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระราชทานรางวัลอันทรงเกียรตินี้มาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2550 และในปี 2562 นี้ ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานรางวัล SMEs Excellence Awards อีกรางวัลหนึ่ง ซึ่งนับเป็นเกียรติยศอันสูงยิ่งแก่คณะผู้จัดงานรวมถึงองค์กรที่ได้รับรางวัลในวันนี้ด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกคนในฐานะผู้นำธุรกิจคงตระหนักดีแล้วว่าโลกปัจจุบันถือได้ว่าเป็นโลกไร้พรมแดน เกิดความเชื่อมโยงที่แนบแน่น และส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงในทุกมิติเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด การเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่า disruption จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมของผู้บริโภค จนทำให้รูปแบบการทำธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนจากเดิม ทำให้ทุกองค์กรต้องเผชิญกับการแข่งขันในรูปแบบใหม่ ๆ ทั้งจากลูกค้าเอง คู่ค้าในอุตสาหกรรมเดิม ไปจนถึงคู่แข่งในอุตสาหกรรมอื่นที่เราอาจคาดไม่ถึง ในขณะเดียวกัน ธุรกิจก็กำลังประสบปัญหาประชากรวัยแรงงานที่เริ่มลดลง ประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการผลิตสินค้าและทำให้ผู้บริโภคมีหลากหลาย ทั้งหมดนี้ ได้กลายมาเป็นความท้าทายในการพัฒนาและสร้างความสามารถในการแข่งขัน ไม่ใช่เพียงระดับธุรกิจ แต่เป็นระดับประเทศด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ภายใต้ความท้าทายจากทั้งในและนอกประเทศข้างต้น ทราบดีว่าภาคธุรกิจกำลังทำงานกันอย่างหนักในการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวเอง เพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน รัฐบาลจึงได้มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ ควบคู่ไปกับการกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 เพื่อใช้เป็นแนวทางสนับสนุนการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ให้พัฒนาไปสู่การแข่งขันด้วยฐานขององค์ความรู้ การใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เน้นคุณค่าของภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่น ตลอดจนปลูกฝังแนวความคิดที่ยั่งยืนที่จำเป็น ในการวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับภาคการเกษตร ภาคธุรกิจ และ SMEs ทั้งในด้านการผลิตและการสร้างฐานความต้องการสินค้าและบริการจากประชาชนที่มีความเข้มแข็งไปพร้อมกัน

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำแนวการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชน รวมถึงภาคการศึกษา และประชาสังคมต่าง ๆ ภายใต้ความไม่แน่นอนและความท้าทายต่าง ๆ การที่ประเทศยังเติบโตได้ในเกณฑ์ดี พูดได้ว่าเป็นเพราะภาคเอกชนไทยมีความสามารถ และมีวิสัยทัศน์ที่จะปรับตัวเพื่อรองรับโอกาสใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าทุกคนในที่นี้ เป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อน Corporate Excellence ที่ประเทศต้องการอย่างแท้จริง และยังมีอีกหลายองค์กรธุรกิจที่มีความพร้อม และมีความตั้งใจเดียวกัน ที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาทุกระดับตั้งแต่เศรษฐกิจฐานราก บนพื้นฐานคุณธรรม จริยธรรมและรักษาสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจไทยต้องเติบโตไปด้วยกันทั้งระดับใหญ่ ระดับกลาง ระดับเล็กเพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศให้ก้าวไปสู่ประเทศชั้นแนวหน้าได้ในที่สุด

--------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ