รองนรม. วิษณุฯ ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมา พร้อมเตรียมฟื้นฟูเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย

ข่าวทั่วไป Thursday February 13, 2020 15:23 —สำนักโฆษก

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการติดตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยเร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมา พร้อมเตรียมฟื้นฟูเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย

วันนี้ (13 ก.พ.63) เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และให้การดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยมี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ฯลฯ เข้าร่วมประชุมด้วย

ภายหลังการประชุม รองนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่าการประชุมคณะกรรมการติดตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมาวันนี้ เป็นการบูรณการช่วยเหลือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโดยปกติหากเกิดกรณีภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ทุกระทรวงที่เกี่ยวข้องก็จะมีแนวทางและมาตรการในการให้ความช่วยเหลือตามกฎหมายและระเบียบของแต่ละหน่วยงานกำหนดอยู่แล้ว นอกการได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น และจากทางราชการหรือเงินบริจาคของกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ของสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว เช่น กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ( จำนวน 3 ราย) และเจ้าหน้าที่ตำรวจอาสาสมัคร ( จำนวน 1 ราย) ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีระเบียบปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือทั้งจากกองทุนต่าง ๆ และสวัสดิการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจ่ายเงินช่วยเหลือรายละประมาณ 3 ล้านบาท ทั้ง 4 ราย รวมทั้งได้รับบำเหน็จตกทอด การเลื่อนขั้น และเลื่อนยศ ซึ่งเป็นไปตามสิทธิประโยชน์ของตำรวจที่กำหนดไว้ ส่วนกรณีของทหารที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ (จำนวน 1 ราย) ก็จะมีเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งตามสวัสดิการของทหาร และมีการเลื่อนขั้น เลื่อนยศ ตามระเบียบของทหารต่อไป

สำหรับการให้ความช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารภัย พ.ศ. 2542นั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด จำนวน 30 ราย โดยกองทุนฯ จะจ่ายเงินช่วยเหลือ จำนวน 27 ราย (ยกเว้นผู้ก่อเหตุ 1 ราย และคู่กรณี 2 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริง) โดยให้รายละ 1 ล้านบาท ส่วนกรณีบาดเจ็บ จำนวน 58 ราย แบ่งเป็นบาดเจ็บสาหัส จ่ายเงินรายละ 2 แสนบาท และบาดเจ็บทั่วไปหรือเล็กน้อย จ่ายเงินรายละไม่เกิน 1 แสนบาท (โดยพิจารณาตามลักษณะอาการที่ได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด) ทั้งนี้การช่วยเหลือของกองทุนฯ ไม่นับรวมการช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น ๆ อีก

นอกจากนี้ยังมีการให้ความช่วยเหลือในส่วนอื่น ๆ ของหน่วยงานต่าง ๆ ต่อผู้เสียชีวิต 27 ราย (ยกเว้นผู้ก่อเหตุ 1 ราย และคู่กรณี 2 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริง) เช่น กรณีเจ้าหน้าที่รัฐ (ตำรวจ ทหาร พลเรือน) เสียชีวิตไม่ได้อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ก็จะได้รับการช่วยเหลือเท่ากับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ (ที่เสียชีวิต) โดยจะได้รับเงินจากกระทรวงการคลังตาม พ.ร.บ.สงเคราะห์ผู้ประสบภัย รวมทั้งพ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ของกระทรวงยุติธรรม และการช่วยเหลือตามระเบียบในการอุดหนุนผู้ประสบภัยของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งจะมีการจ่ายเงินช่วยเหลือตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนดไว้ดังกล่าวต่อไป

ขณะเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุข กรมสุขภาพจิต กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะมีการมาตรการเฝ้าระวังติดตามดูแลในการเข้าไปฟื้นฟูเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผู้ผลกระทบในพื้นที่ และประชาชนทั่วไป (ทั้งกรณีที่ประสบเหตุการณ์ หรือพบเห็นเหตุการณ์จากสื่อ ญาติที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ) นอกจากนี้ก็จะมีมาตรการให้ความช่วยเหลือในเรื่องของทรัพย์สินที่อยู่ในบริเวณเกิดเหตุ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย จะไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือดูแลเร่งรัดให้มีการจ่ายเงินตามความคุ้มครองของกรมธรรม์ที่ผู้ได้รับผลกระทบทำประกันไว้โดยเร็ว ทั้งประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันทรัพย์สินต่าง ๆ เป็นต้น รวมไปถึงการดูแลแรงงานในเรื่องของประกันสังคม ซึ่งกระทรวงแรงงานก็จะได้ไปดูแลและดำเนินการต่อไป

นอกจากนี้ในส่วนของธนาคารต่าง ๆ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ก็มีมาตรการในการดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งที่เสียชีวิตและบาดเจ็บเช่นกัน โดยกรณีที่เสียชีวิตก็จะมีการยกหนี้ให้ (ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)) และหากบาดเจ็บจะให้อัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำสุด 0.01% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด เป็นต้น

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันและลดไม่ให้มีการเกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบในทางที่ไม่เหมาะสมหรือส่งผลรุนแรงในอนาคต

-----------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ