?กรมเจรจาฯ ประชุมร่วมผู้ประกอบการกาแฟ ติดตามสถานการณ์การผลิตการค้าช่วงโควิด-19 [กระทรวงพาณิชย์]

ข่าวทั่วไป Thursday May 21, 2020 15:15 —สำนักโฆษก

กรมเจรจาฯ ประชุมร่วมผู้ประกอบการกาแฟ ติดตามสถานการณ์การผลิตการค้าช่วงโควิด-19

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศประชุมทางไกลร่วมกับผู้ประกอบการกาแฟ ติดตามสถานการณ์การผลิต การค้า ช่วงโควิด-19 ระบาด หลังก่อนหน้าเข้าไปช่วยเตรียมความพร้อมปรับตัวสู้การค้าเสรี เผยร้านค้ายอดขายลด หันขายออนไลน์และจัดส่งถึงบ้านมากขึ้น ผู้ผลิตยอดขายเพิ่ม หลังคนกักตัวอยู่บ้าน แต่กลุ่มโรงแรม สายการบิน ภัตตาคาร ซื้อลดลง ส่วนผู้ส่งออกยังขายได้ดี หลายประเทศสนใจซื้อ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการหารือร่วมกับนางวารี สดประเสริฐ นายกสมาคมกาแฟไทย นายสุขเกษม ขำทวี ที่ปรึกษาสมาคมกาแฟไทย และผู้ประกอบการสินค้ากาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ว่า เป็นการติดตามสถานการณ์กาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟของไทย ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่าเป็นอย่างไร ทั้งในด้านการผลิต การจำหน่าย การค้าในประเทศ และการส่งออกโดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ)

“เป็นการติดตามผล หลังจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กรมฯ ได้ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในพื้นที่ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน แม่ฮ่องสอน และชุมพร รวมทั้งผู้ประกอบการกาแฟตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อติดตามความพร้อมการแข่งขันกาแฟไทยในยุคการค้าเสรี การเข้าไปช่วยแนะนำเกษตรกรและผู้ส่งออกปรับตัวโดยเน้นการรักษาคุณภาพมาตรฐานของกาแฟ ตั้งแต่การปลูก การเก็บ การคั่ว และการแปรรูป เพื่อทำให้กาแฟไทยมีความน่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค รวมทั้งการแนะนำการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายตลาดส่งออก”

นางอรมนกล่าวว่า การหารือครั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านกาแฟ เห็นว่ามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ส่งผลให้ยอดขายลดลง จึงจำเป็นต้องปรับรูปแบบการให้บริการเป็นการขายแบบออนไลน์และแบบเดลิเวอรี่มากขึ้น รวมทั้งปรับเปลี่ยนสินค้าให้อยู่ในรูปแบบกาแฟพร้อมดื่ม ซึ่งสามารถสั่งซื้อและเก็บไว้ได้นานขึ้น รวมถึงปรับผังที่นั่งในร้านให้มีระยะห่างที่เหมาะสม เพื่อรองรับการเปิดบริการหลังผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์

ส่วนผู้ประกอบการโรงคั่วกาแฟและผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูป ให้ข้อมูลว่าสินค้ากาแฟสำเร็จรูป 3 in 1 กาแฟคั่วบด กาแฟแคปซูล และอุปกรณ์ชงกาแฟ ที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและทางออนไลน์ มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น จากการที่คนกักตัวอยู่บ้านมากขึ้น ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อในปริมาณมาก เช่น โรงแรม ภัตตาคาร และสายการบิน มียอดขายลดลง เนื่องจากต้องปิดกิจการในช่วงนี้

สำหรับผู้ส่งออกสินค้ากาแฟสำเร็จรูป แจ้งว่า ได้รับการติดต่อจากประเทศผู้นำเข้าที่สนใจซื้อผลิตภัณฑ์กาแฟจากไทย เนื่องจากหลายประเทศผลิตกาแฟสำเร็จรูปลดลง ในขณะที่ไทยสามารถผลิตได้ แม้ในช่วงวิกฤต ทำให้ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟได้มากขึ้น ขณะเดียวกันรสนิยมของผู้บริโภคเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งสนใจบริโภคกาแฟคั่ว ที่มีส่วนผสมของเมล็ดกาแฟจากไทยกับต่างประเทศ จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบส่งออก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกกาแฟคั่วผสม

ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกกาแฟสำเร็จรูปอันดับที่ 11 ของโลก ในปี 2562 ไทยส่งออกปริมาณ 24,812 ตัน มูลค่า 92.34 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สปป.ลาว สัดส่วน 26% เมียนมา 24% และกัมพูชา 20% โดยไทยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการส่งออกกาแฟสำเร็จรูป ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียนที่ 0% และนำเข้าเมล็ดกาแฟดิบ 5% มีแหล่งนำเข้าสำคัญ เช่น เวียดนาม สปป.ลาว และอินโดนีเซีย ส่วนไตรมาสแรกปี 2563 (ม.ค.-มี.ค.) ไทยส่งออกกาแฟสำเร็จรูปปริมาณ 6,606 ตัน มูลค่า 25.19 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 14.69% โดยไทยยังส่งออกไปตลาดรอง เช่น ฮ่องกง และสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 28% และ 88% ตามลำดับ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ