นายกรัฐมนตรีเผยความสำเร็จของรัฐบาล มาจากควาร่วมมือของคนไทยทุกภาคส่วน พร้อมชี้แจงต่างชาติเข้าใจคำสั่งคำสั่ง คสช. ประเด็นเหมืองแร่อัครา คำนึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน

ข่าวทั่วไป Wednesday September 9, 2020 14:38 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเผยความสำเร็จของรัฐบาล มาจากควาร่วมมือของคนไทยทุกภาคส่วน พร้อมชี้แจงต่างชาติเข้าใจคำสั่งคำสั่ง คสช. ประเด็นเหมืองแร่อัครา คำนึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนเป็นสำคัญ

วันนี้ (9 ก.ย.63) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาญัตติเปิดอภิปราย ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา

นายกรัฐมนตรีกล่าวทบทวนความสำเร็จของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา จากความร่วมมือของคนไทยทุกภาคส่วน ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 อยู่ภายใต้การควบคุม มีการผ่อนคลายล็อคดาวน์เข้าสู่ระยะที่ 5 แล้ว โดยประเทศไทยสามารถควบคุมได้ภายใน 2 เดือน ซึ่งรัฐบาลมีการเตรียมการรองรับ โดยได้นำมาตรการที่เตรียมไว้ออกมาใช้ขับเคลื่อนในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน ต่อเนื่องเป็นเวลา 101 วันตั้งแต่ 26 พฤษภาคมถึง 2 กรกฎาคม ซึ่งปรากฏว่าไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศเลยกว่า 100 วัน การตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศเมื่อ 3 กันยายนที่ผ่านมา เป็นบทเรียนกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักอยู่เสมอว่าการ์ดไม่ตก ขอย้ำว่าความเข้มแข็งด้านสาธารณสุขของไทยอยู่ในอันดับต้น ๆ

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า แม้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการควบคุมโรค แต่ก็ตระหนักถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจด้วย โดยออกมาตรการบรรเทาผลกระทบในระยะแรก เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน และช่วยผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การใช้งบประมาณเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เพื่อเยียวยาชดเชยรายได้ประชาชน 31.4 ล้านคน แยกเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ 15.30 ล้านคน เกษตรกร 7.5 ล้านคน แรงงานในระบบประกันสังคม 9.3 แสนคน กลุ่มเปราะบาง เด็กแรกเกิด ผู้สูงอายุ คนพิการ 6.65 ล้านคน ประชาชนที่มีบัตรสวัสดิการของรัฐ 1.02 ล้านคน รวมทั้งในเรื่องลดค่าใช้จ่าย มีมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟให้กับประชาชน สถานประกอบการ ลดภาระด้านสาธารณูปโภค เลื่อนระยะเวลาการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีนิติบุคคล ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างร้อยละ 90 การลดและเลื่อนการส่งเงินสมทบประกันสังคมทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง ลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่าง ๆ สำหรับการหาเงินกู้ฉุกเฉินและเงินกู้ใหม่ในอัตราดอกเบี้ยต่ำนั้น รัฐบาลกำลังพิจารณาแนวทางเพื่อช่วยคนที่ไม่มีบัญชีธุรกรรมและไม่สามารถเข้าถึงในส่วนนี้ได้ ซึ่งการปฏิบัติต้องคำนึงข้อกฎหมายด้วย รวมทั้งแผนงานสนับสนุนการจ้างงานกว่า 1 แสนคน ช่วยเด็กเยาวชนที่ด้อยโอกาสกว่า 8 แสนคนผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ซึ่งได้ใช้งบประมาณจากส่วนอื่นด้วย ไม่ได้ใช้งบจากเงินกู้เพียงอย่างเดียว ปัจจุบันสถานประกอบการทุกประเภทก็สามารถเปิดกิจการได้โดยต้องระมัดระวัง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจได้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง 3 เดือนตั้งแต่พฤษภาคมถึงกรกฎาคม สถานการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น ดัชนีว่างงานในระบบประกันสังคมลดลง และราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น

นายกรัฐมนตรีชี้แจงทั่วโลกยังมีแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ GDP ของทุกประเทศทั่วโลกลดลงร้อยละ 4.9 - 6.0 และเศรษฐกิจประเทศไทยในปี 2563 อาจลดลงถึงร้อยละ 7.5 รัฐบาลจึงเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบเศรษฐกิจไทยปี 2563 ทั้งการเพิ่มรายได้ โดยใช้งบประมาณภาครัฐเพื่อสนับสนุนสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของไทยกว่าจำนวน 200 – 300 ผลิตภัณฑ์ การอนุมัติให้สามารถจัดซื้อจัดจ้างในส่วนของสินค้าที่มาจากวิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์ต่าง ๆ เพื่อแบ่งเบาและเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง และเพราะไม่สามารถคาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะยุติลงเมื่อไร รัฐบาลจึงได้จัดตั้ง ศบค. เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การตรวจคัดกรองโรค รวมถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เพื่อบูรณาการกฎหมายทุกกฎหมาย เพราะกฎหมายสาธารณสุขอำนวยการทำงานเพียงแค่บุคลากรทางด้านสาธารณสุขเท่านั้น แต่ต้องมีการปฏิบัติงานของพลเรือน ตำรวจ ทหาร เพื่อดูแลการเดินทางข้ามพรมแดน พร้อมย้ำว่าไม่มีการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เพื่อคุกคามเยาวชนหรือผู้ใดก็ตาม

สำหรับการช่วยเหลือพี่น้องแรงงานจาการหารือไตรภาคี 3 ฝ่าย ประกอบด้วยภาครัฐ นายจ้างและลูกจ้าง ลดการส่งเงินสมทบระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเหลือร้อยละ 2 นอกจากนี้ยังมีมาตรการกระตุ้นการจ้างงาน โดยเตรียมจัด Work Expo เพื่อให้มีการจ้างงานในภาครัฐและเอกชนของนักศึกษาจบใหม่ ผู้ว่างงาน จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ล้านอัตรา การจัดทำ Big Data หรือแพลตฟอร์มเพื่ออำนวยความสะดวกการหางาน รวมทั้งมาตรการรักษาการจ้างงานโดยรัฐบาลจะจ่ายค่าจ้างร่วมกับบริษัทเอกชน ส่งเสริมการจ้างงาน นิสิต นักศึกษา ที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งในระดับปริญญาตรี ปวช. และ ปวส. อีก 2.6 แสนคน เป็นระยะเวลา 1 ปี สำหรับการสนับสนุนภาคธุรกิจ SMEs โดยมีการปลดล็อคให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อ 1 แสนล้านบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมเป็นผู้ค้ำประกันสินเชื่อ ซึ่งเป็นงบประมาณจากภาครัฐ หากในอนาคตเกิด NPL รัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่ดูแล ซึ่งได้มีการเตรียมมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ ในกรณีที่มีเจ้าหนี้หลายราย

นายกรัฐมนตรีเผยยังมีการหารือเพิ่มเติมในมาตรการอุดหนุนผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไปเป็นหลัก เช่น หาบเร่ แผงลอย รถเข็น ตลาดสด โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 เพื่อใช้จ่ายในการซื้อสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม สำหรับมาตรการท่องเที่ยวในประเทศไทยมีสถานการณ์ดีขึ้น แม้จะขาดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่จะต้องสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อรักษาการจ้างงานในสถานประกอบการต่าง ๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เพราะต้องดูแลปัญหาเศรษฐกิจ ควบคู่สุขภาพรวมทั้งความร่วมมือจากประชาชนด้วย

ทั้งนี้ รัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนในเรื่องการลงทุนเพื่อสร้างรายได้ในอนาคต อาทิ EEC โครงการรถไฟความร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะภาและเมืองการบินภาคตะวันออก คาดว่าจะทำให้มีรายได้สุทธิหลังหักการลงทุนของภาครัฐประมาณ 195,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 1 แสนตำแหน่ง โดยเฉพาะการจ้างงานของคนในพื้นที่ให้มากที่สุด พร้อมดูแลภาคสิ่งแวดล้อม การแก้ปัญหาขยะ น้ำเสียในพื้นที่ พัฒนาให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ พัฒนาระบบสาธารณสุข ส่งเสริมระบบการศึกษาอาชีวะที่เชื่อมโยงกับ EEC เพื่อให้เยาวชนได้รับทุนการศึกษาพร้อมเบี้ยเลี้ยงสวัสดิการ รวมทั้งส่งเสริมเกษตรอัจฉริยะ เกษตรแม่นยำ เกษตรแปลงใหญ่ เกษตรมูลค่าสูง อุตสาหกรรมอาหาร เกษตรชีวภาพ การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ และให้ความสำคัญการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรที่เป็นอาชีพสำคัญของประเทศ

นายกรัฐมนตรีเผยถึงโครงสร้างทางราง ถนน น้ำ และอากาศ โดยเร่งรัดดำเนินการรถไฟฟ้า 12 สายทาง ระยะทางเพิ่ม 226 กม. และมีรถไฟฟ้าระยะความยาวเพิ่มขึ้นรวมเป็น 425 กม. จากเดิม พร้อมเร่งรัดโครงการรถไฟทางคู่ 16 โครงการ 3,157 กม. จากเดิม 359 กม. เร่งรัดการพัฒนามอเตอร์เวย์ 3 สายทาง ระยะทาง 324 กม. จากเดิม 2 สายทาง รวมถึงการพยุงราคายางพาราโดยพัฒนาเป็นแผ่นยางครอบแบริเออร์ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจเทคโนโลยี 5G โดยเร่งพัฒนาการใช้ 5G ในภาคส่วนต่าง ๆ ระยะที่ 1 เช่น การทำธุรกิจออนไลน์ผ่านโครงข่าย 5G ที่มีความรวดเร็วปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง เข้าถึงการบริหาร ให้คำแนะนำด้านสุขภาพ วินิจฉัยโรคผ่าน Video Conference บนโทรศัพท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในปัจจุบันได้มีโครงการนำร่องร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช หรือในด้านการเกษตรที่มีโครงการนำร่องร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เพื่อเป็นการเริ่มต้นตามงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการพัฒนาวัคซีน ซึ่งมีหลายแนวทางด้วยกัน ได้แก่ 1) ดำเนินการเองโดยรัฐบาลร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุข โรงพยาบาลต่าง ๆ ที่มีงบประมาณในการวิจัยและพัฒนา 2) ร่วมมือกับต่างประเทศปรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ผู้ผลิตในต่างประเทศที่มีความพร้อม และ 3) การร่วมวิจัยและพัฒนากับต่างประเทศ โดยคาดการณ์ว่าต้องการ 20 ล้านโดสในระยะแรก ซึ่งงบประมาณในการใช้สำหรับวิจัยและพัฒนาวัคซีนเป็นงบประมาณของสาธารณสุขจาก พ.ร.ก. กู้เงินฯ 45,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องใช้อย่างระมัดระวัง โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเผยว่าไทยเป็นประเทศที่ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดีที่สุดอันดับ 1 ของโลกโดย GCI และยังมีอีกหลายภาคส่วนที่ให้การชื่นชมความสามารถของประเทศไทยในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับมาตรการนำคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศมีสถานที่สำหรับ State Quarantine เพื่อดูแล คัดกรองโรค กักตัวสังเกตอาการ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีชี้แจงประเด็นกรณีเหมืองแร่อัครา ตามคำสั่งคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 72/2559 เรื่อง การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ เนื่องจากการทำเหมืองแร่ทองคำหลายแห่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในหลายพื้นที่ จึงต้องมีมาตรการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน และเหมืองแร่จำนวนมากได้รับการอนุญาตต่อระยะเวลาสัมปทานแล้วหลังจากสามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ถ้าหากยังแก้ไขไม่ได้คณะกรรมการฯ จะมีมติให้หยุดชั่วคราว รวมถึงรัฐบาลปลดล็อคถลุงแร่ทองคำ นักลงทุนชาวต่างชาติทราบถึงการใช้กฎหมาย ม.44 ของประเทศไทยและภายหลังคณะกรรมนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติให้เหมืองแร่ทองคำสามารถกลับมาประกอบกิจการได้แล้ว ทั้งนี้ ยังมีการพิจารณาอยู่ในชั้นตุลาการเละยังไม่มีคำตัดสิน

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีย้ำว่าได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด โดยยึดถือกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมเป็นหลัก ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศาล สำนักงานอัยการสูงสุดที่เป็นองค์กรอิสระและไม่สามารถก้าวล่วงได้ รวมทั้งไม่มีอำนาจสั่งการในส่วนของสมาชิกวุฒิสภา ด้วย

--------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ