รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยพระที่ผิดพระธรรมวินัย โดยเฉพาะพระที่ถูกจับต้องลาสิกขาบท จะกลับมาห่มผ้าเหลืองใหม่ ต้องผ่านกระบวนการบรรพชาอุปสมบท

ข่าวทั่วไป Wednesday September 9, 2020 14:40 —สำนักโฆษก

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยพระที่ผิดพระธรรมวินัย โดยเฉพาะพระที่ถูกจับต้องลาสิกขาบท จะกลับมาห่มผ้าเหลืองใหม่ ต้องผ่านกระบวนการบรรพชาอุปสมบท

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงประเด็นการอภิปรายฯ กรณี นายนิยม เวชกามา สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรพรรคเพื่อไทย อภิปรายเกี่ยวกับเรื่องของพระพุทธศาสนาระบุว่ามีพระเถระจำนวน 7 รูป ถูกดำเนินคดี แล้วศาลตัดสินว่าไม่มีความผิด มีการคืนยศให้พระเถระดังกล่าวนั้นว่า เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตการจัดสรรเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามทุจริตเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์สินใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งศาลว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ให้จำคุก 36 เดือน และปรับ 27,000 บาท แต่ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติหน้าที่ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง และเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ ไม่เคยกระทำความผิดทางวินัย จึงเห็นสมควรให้รอการลงโทษกำหนด 2 ปี ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าพระเถระผู้ใหญ่ได้ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกแต่ให้รอลงอาญา

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เมื่อถูกตัดสินลงโทษแล้ว จะกลับมาห่มผ้าเหลืองอีกนั้น จะต้องผ่านกระบวนการบรรพชาอุปสมบท ถึงจะมีสิทธิ์ห่มผ้าเหลืองได้ ถ้าหากห่มผ้าเหลืองโดยไม่ได้อุปสมบทจะมีความผิดฐานแต่งกายเลียนแบบพระ ตามมาตรา 208 ประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับศาสนา พร้อมกับกล่าวย้ำว่า พระที่ผิดพระธรรมวินัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระที่ถูกจับแล้วต้องลาสิกขาบท มีพระธรรมวินัยระบุไว้ชัดเจนว่าต้องบรรพชาใหม่ ไม่สามารถกลับมาห่มผ้าเหลืองได้ และไม่ได้อยู่ที่จิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการสึกโดยเต็มหรือไม่เต็มใจก็ตาม ซึ่งจากที่นายนิยม เวชกามา ระบุว่ามีพระจำนวน 3 แสนรูป หายไปจำนวน 8 หมื่นรูป เหลือเพียง 220,000 รูปนั้น ไม่ตรงกับข้อมูลความเป็นจริง ปัจจุบันประเทศไทยมีวัดอยู่ทั้งหมดประมาณ 42,000 กว่าวัด ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบันมีจำนวนพระไม่เกิน 250,000 รูป ซึ่งตรงนี้แสดงให้เห็นว่าในคำอภิปรายหรือคำเสนอแนะในการอภิปรายนายกรัฐมนตรีนั้น บางครั้งอาจจะฟังได้ บางครั้งอาจจะฟังไม่ได้

................................................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ