ดีอีเอส ปลื้ม อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทยดีขึ้น

ข่าวทั่วไป Thursday October 1, 2020 13:49 —สำนักโฆษก

ดีอีเอส ปลื้ม อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทยดีขึ้น

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา สถาบันการจัดการนานาชาติ (International Institute for Management Development: IMD) ได้ประกาศผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของเขตเศรษฐกิจทั่วโลก (IMD World Digital Competitiveness Ranking) ประจาปี 2563 โดยในภาพรวมประเทศไทยถูกจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลอยู่ในอันดับที่ 39 จาก 63 ประเทศ ซึ่งดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา 1 อันดับ

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทุกประเทศจะสามารถรักษาอันดับ ความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลให้ดีขึ้นอย่าง ต่อเนื่องได้เนื่องจาก การที่ประเทศต่าง ๆ จะรักษาอันดับความสามารถในการแข่งขันให้คงที่หรือถูกจัดอันดับให้ดีขึ้นเพียง 1 อันดับ เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะนั่นหมายถึงการที่ประเทศนั้นจะต้องเร่งพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในทุกด้านให้ก้าวหน้าเท่าทันกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งล้วนยกให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นแกนหลักสาคัญ (Backbone) ในการขับเคลื่อนประเทศ ดังนั้น จึงเป็นที่น่ายินดีว่า ?ประเทศไทย เราทาได้? ทั้งนี้ การจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลนั้น IMD ประเมินจากปัจจัยหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านองค์ความรู้ (Knowledge) 2. ด้านเทคโนโลยี (Technology) และ 3. ด้านความพร้อมรองรับอนาคต (Future readiness)

ปัจจัยหลักที่ดีขึ้นและช่วยยกอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ได้แก่ ปัจจัยด้านเทคโนโลยี (Technology) และปัจจัยด้านความพร้อมรองรับอนาคต (Future readiness) โดยปี 2563 ดีขึ้นจากปีที่ 2562 อย่างก้าวกระโดดถึง 5 อันดับ ทั้ง 2 ปัจจัย โดยอยู่ในอันดับที่ 22 และอันดับที่ 45 ตามลาดับ เป็นการสะท้อนความสาเร็จในการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมผ่านกองทุนดีอี การผลักดันเมืองอัจฉริยะ (Smart City) การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การเตรียมความพร้อม Disruptive Technology ให้กับภาคส่วนต่าง ๆ ของประเทศไทย การพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐสู่การที่ทุกภาคส่วนสามารถนาข้อมูลภาครัฐไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต และการผลักดันนโยบายและแผนด้านดิจิทัลในประเด็นต่าง ๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตามสาหรับปัจจัยหลักด้านองค์ความรู้ (Knowledge) ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 43 ซึ่งเป็นอันดับเดิมของปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้หมายความว่า ประเทศไทยไม่ได้พัฒนาด้านองค์ความรู้ แต่หมายถึง เราพัฒนา แต่เป็นแรงขับเคลื่อนที่คงตัวดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ชี้เป้าให้ประเทศไทยจะได้ให้ความสาคัญกับการพัฒนาปัจจัยดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น

นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา สานักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ได้ร่วมมือกับสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศ (TMA) ซึ่งเป็น Partner ที่สาคัญของสถาบัน IMD ในการร่วมกันยกอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย และติดตามผลการจัดอันดับความ สามารถในการแข่งขันของสถาบัน IMD อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการที่ท่านรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวข้างต้น กระทรวงดีอีเอสให้ความสาคัญกับการพัฒนาทุกปัจจัยหลักอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างแท้จริง และสะท้อนออกมาในผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทยให้ดีขึ้นในทุก ๆ ปี

ที่มา: http://www.thaigov.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ