นายกรัฐมนตรีเชื่อ “รวมไทยสร้างชาติ” พาไทยฝ่าวิกฤต ยืนยันสังคมอยู่ได้เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย

ข่าวทั่วไป Wednesday November 11, 2020 15:35 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเชื่อ ?รวมไทยสร้างชาติ? พาไทยฝ่าวิกฤต ยืนยันสังคมอยู่ได้เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย

วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2563) เวลา 09.00 น. ณ แกรนด์ฮอลล์ โรงแรม ดิ แอทธินี่ โฮเทล แบงค็อก (เพลินจิต) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา และกล่าวปาฐกถาพิเศษ ?ภาคธุรกิจไทย ในวิถียั่งยืน? ยืนยันแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Development เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จของการพัฒนา เพื่อประชาชนได้มีความเป็นอยู่ดีขึ้นและเป็นหลักสำคัญของการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ ภาคธุรกิจและองค์กรต่างๆ ได้รับเอาแนวคิดการพัฒนายั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินงาน โดยมีการปรับแนวทาง กลยุทธ์ และนโยบายให้สอดคล้อง นำแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมเข้ามาอยู่ในกระบวนการของธุรกิจ (CSR in Process) อาทิ การช่วยเหลือวิสาหกิจชมชุน การดูแลกลุ่มเปราะบาง รวมถึงการยกระดับชีวิตคนในชุมชนโดยรอบ ดังนั้น จึงเป็นบทบาทภาระทั้งภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และภาคประชาสังคม ที่ต้องสนองตอบและให้ความสำคัญต่อการสร้างความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับการทำงานของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ลดดอกเบี้ย ยืดระยะเวลาชำระหนี้ ปลดล็อคกฎหมายหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อขยายโอกาสให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน Soft Loan มากขึ้น โดยที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีนโยบาย สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย Startup และ SMEs ให้มีการจดทะเบียนของธุรกิจ SMEs ในการสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ ด้วย

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความพยายามของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ผ่านมาตรการเยียวยาต่าง ๆ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ รวมถึงพยุงธุรกิจไม่ให้เกิดการเลิกจ้างงาน ส่งเสริมให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงโอกาสและทรัพยากร โครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แก้ไขปัญหาจราจรติดขัด เพิ่มเส้นทางรถไฟทางคู่ ขยายท่าเรือ ยกระดับโครงการขนาดใหญ่ เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) มีการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้นักลงทุนต่างชาติ ตามที่ BOI ได้ปรับรูปแบบแผนการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อรักษาไทยให้สามารถเป็นฐานการผลิตของศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียนได้ ทั้งนี้ การบริหารราชการคำนึงภาวการณ์โลกในปัจจุบัน เมื่อประชากรเพิ่มขึ้น งบประมาณที่จะต้องใช้ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย รวมทั้งการดูแลปัญหาอื่นที่นอกเหนือจากเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาอุทกภัย ปัญหาภัยแล้ง การกระจายแหล่งน้ำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรทั้งแปลงใหญ่และแปลงเล็ก ส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเข้าถึงตลาดออนไลน์ ปรับปรุงกฎหมายการค้าออนไลน์เพื่อให้มีความสะดวกมากขึ้น รวมทั้งการขยายช่องทางรายได้ประเทศจากการส่งออก ด้วยการส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ ขณะเดียวกันก็เดินหน้าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งการเจรจาร่วมกับประเทศทวิภาคีเพื่อซื้อขาย การเข้าร่วมหารือในการประชุม G20 หรือ APEC ด้วย

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงหนทางที่จะให้ไทยรอดพ้นจากความท้าทายครั้งนี้ว่า รัฐบาลเน้นดึงศักยภาพของประเทศออกมาใช้ ด้วยการระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคม ภาควิชาการ และประชาชนทุกคน ให้เข้ามาช่วยกันขับเคลื่อนการฟื้นฟูประเทศ ?รวมไทยสร้างชาติ? ท่ามกลางวิกฤตนี้ ?เราจะต้องรอด และวันหน้า เราต้องเข็มแข็งกว่าเดิม? ?ล้มแล้วต้องลุกไว? ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ในสังคมเพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย กฎกติกา อันเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีการปรับแก้การบริหารราชจากเดิม 4 ภาคเป็น 6 ภาค เพิ่มภาคเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) และภาคชายแดนใต้ เพื่อจัดสรรงบประมาณในแต่ละจังหวัดก็มีงบบูรณาการ เป็นต้น และสิ่งสำคัญที่จะสนับสนุนไทยให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ ได้นั่นคือ การน้อมนำ ?หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง? เป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งมีความสอดคล้องกับกรอบการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่เรียกว่า SDGs (Sustainable Development Goals) ตามที่สหประชาชาติกำหนด

นายกรัฐมนตรียังย้ำหลักการสำคัญของรัฐบาล คือ การทำงานโดยคิดถึงทุกๆ คน ภายใต้แนวคิด ?ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง? ซึ่ง ?ใคร? ในที่นี้ยังหมายถึงคนทุกคน รวมทั้งคนรุ่นหลังของเราด้วย ให้ความสำคัญกับ?การพัฒนาคน? และ ?ความมั่นคงของมนุษย์? เพื่อให้ทุกคนในชาติมีภูมิต้านทานต่อความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โลกสมัยใหม่จะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่การกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าและสืบสานอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ในชุมชน เมื่อทุกคนมีความต้านทาน จึงจะเกิดความยั่งยืน เพราะถือเป็นการสร้างความเข้มแข็งจากภายในและฐานรากอย่างแท้จริง

.......................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ