นายกฯ เผยครม. ขยายเวลายกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของนำเข้าใช้รักษา ป้องกันโรคโควิด-19 ถึง มี.ค. 65 พร้อมให้สิทธิประโยชน์ค่ารักษาครอบคลุมค่าใช้จ่ายการฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการข้างเคียง

ข่าวทั่วไป Tuesday April 27, 2021 14:37 —สำนักโฆษก

นายกฯ เผยครม. อนุมัติขยายเวลายกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของนำเข้าใช้รักษา ป้องกันโรคโควิด-19 ถึงมี.ค. 65 พร้อมขยายสิทธิประโยชน์ค่ารักษาไวรัสโควิด-19 ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากการฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการข้างเคียง

วันนี้ (27 เมษายน 2564) เวลา 12.30 น. ณ โถงตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยถึงความเข้มแข็งทางพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย ที่ตอนนี้อาจมีผลกระทบด้านเศรษฐกิจรายครัวเรือนบ้าง แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังมีการขยายตัว จากการรายงานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้พบว่าเศรษฐกิจขยายตัวสูงสุดในรอบหลายเดือนในด้านอุตสาหกรรม พาณิชย์ และอื่น ๆ มีแนวโน้มกำลังซื้อจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าจะมีวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ประเทศไทยสามารถส่งออกสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอาหาร พืช ผล ทางการเกษตร ที่หลายประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบ โดยประเทศไทยจะต้องรักษาคุณภาพอาหารอย่างเต็มที่ และดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลเพื่อติดต่อกับประเทศต่าง ๆ ทั้งในทวิภาคีและพหุภาคี

วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบมาตรการการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพิ่มเติม รวมถึงมีการหารือมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบจากงบประมาณที่มีอยู่และกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างประกาศขยายเวลาการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่นำเข้ามาใช้ในการรักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนถึงเดือนมีนาคม ปี 2565 และอนุมัติงบประมาณให้ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเกี่ยวกับการติดเชื้อโควิด-19 ค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น การฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการข้างเคียง ค่ายานพาหนะในการนำส่งผู้ป่วย เป็นต้น

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังชี้แจงกรณีการมอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบตามแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัดซึ่งยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งดังกล่าว โดยมอบหมายแนวทางเพื่อให้สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในพื้นที่ต่าง ๆ พร้อมยืนยันว่านายกรัฐมนตรีดูแลทุกพื้นที่ทั้งของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นการทำงานลักษณะ Top-Down โดยเห็นชอบแผนงานจัดทำโครงการและอนุมัติงบประมาณโดยคณะรัฐมนตรี อาทิ โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และการทำงานลักษณะ Bottom-Up โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้พิจารณาแผนงานโครงการในพื้นที่ ดังนั้น รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบในพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายจะต้องติดตามแผนงานโครงการที่ได้รับการอนุมัติแล้ว และนำข้อเสนอแนะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อจัดสรรโครงการเพิ่มเติม ยืนยันไม่ใช่การทำตามคะแนนเสียงการเมืองและยึดความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก

....................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ